รู้หรือไม่? มะเร็งในช่องปาก คือ 1 ใน 10 โรคมะเร็งที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เพราะผู้ป่วยหลายๆ รายมักเข้าใจผิดคิดว่า “แผลในช่องปาก” เป็นเรื่องเล็ก ไม่อันตรายร้ายแรง ทั้งที่จริงๆ แล้ว การมีแผลเรื้อรังในช่องปากสามารถกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ รวมทั้งรอยโรคยังลุกลามเร็วกว่าที่คิด
แผลในช่องปาก เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
ปัญหาฟันแตก ฟันหัก ฟันบิ่น มักส่งผลให้เกิดการครูดบริเวณเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม เกิดการระคายเคือง หรือเกิดหนองจากปัญหาฟันผุเรื้อรัง รวมทั้งพฤติกรรมการกินหมาก กินพลู การชอบทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเกินไป ล้วนส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อในช่องปากกลายเป็นแผลเรื้อรัง และมักเกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เรามักเข้าใจว่าแผลที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแผลร้อนในธรรมดา แต่หากแผลนั้นรักษาไม่หาย หรือเรื้อรังกินระยะเวลาเกิน 7 วัน โดยลักษณะของแผลคล้ายแผลสด อาจมีเลือดออกในบางครั้ง ไม่มีทีท่าว่าแผลจะแห้ง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
อาการแบบไหนเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก
นอกจากการเป็นแผลเรื้อรังในช่องปากแล้ว หากสังเกตว่ามีฝ้าขาวๆ หรือแดง ที่เยื่อบุในช่องปาก มีตุ่มหรือก้อนโดยขนาดของก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คลำพบก้อนบริเวณลำคอ แต่กดแล้วไม่เจ็บ มีอาการฟันโยกหรือฟันหลุด มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวหรือการกลืนอาหาร หรือมีเลือดออกผิดปกติในช่องปาก อาการเหล่านี้ คือสัญญาณเตือนว่าคุณอาจกำลังเป็นมะเร็งในช่องปาก
เมื่อเป็น “แผลร้อนใน” ควรรักษาด้วยวิธีนี้!
- หลีกเลี่ยงการทานของแข็ง เช่น อาหารประเภททอด เพราะอาจทิ่มแทงเยื่อบุช่องปากทำให้อักเสบมากขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารเผ็ดร้อน เพื่อป้องกันแผลในช่องปากอักเสบเพิ่มขึ้น
- ควรใช้น้ำเกลือบ้วนปาก วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาด
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
- ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี และซีสูง
- กรณีที่มีอาการปวด ให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ หรือดื่มน้ำเย็นๆ
- หมั่นทายาบริเวณที่เป็นแผล เพื่อให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ หู คอ จมูก