โดยทั่วไปตับจะทำหน้าที่สร้างคอเลสเตอรอลให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และเมื่อเรารับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเข้าไปก็จะทำให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น และถ้าเรามีพฤติกรรมชอบรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำ รวมถึงไม่ชอบออกกำลังกายจนเป็นนิสัยก็อาจก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพร่างกายได้ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุที่ทำให้คอเลสเตอรอลในหลอดเลือดสูงประกอบไปด้วย พฤติกรรมการบริโภคขาดการออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ และโรคเบาหวาน
การไม่ออกกำลังกายเป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ส่วนการออกกำลังกายที่มีการเผาผลาญพลังงาน> 1500 Kcal/wk. จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และถ้าออกกำลังกายที่มีการเผาผลาญพลังงาน > 2000 Kcal/wk. จะช่วยลดอัตราการผ่าตัดโรคหลอดเลือดหัวใจและลดอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึง 28% การออกกำลังกายเพื่อลดไขมันในหลอดเลือดก็คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic) เป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขาอย่างต่อเนื่อง และนานพอ หนักพอ และบ่อยพอ
- ต่อเนื่องและนานพอ คือการออกกำลังกายที่ใช้เวลาทำต่อเนื่องกันนาน 30 - 45 นาที
- หนักพอ คือการออกกำลังกายให้หัวใจเต้น 70 - 80 % ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ คำนวณได้จากสูตร 220 – อายุ เช่น ถ้าเราอายุ 40 ปี การออกกำลังกายที่หนักพอ คือการออกกำลังให้หัวใจเต้น 166 – 144 ครั้ง ต่อนาที
- บ่อยพอ คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิค 3 - 5 ครั้ง/สัปดาห์
การเลือกใช้พลังงานในการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับความหนักเบาของการออกกำลังกาย และขึ้นอยู่กับการฝึก ถ้าฝึกถูกต้องเวลาออกกำลังกายด้วยความหนักเท่าเดิมอาจจะใช้แป้งน้อยลง และสามารถใช้ไขมันได้มากขึ้น การออกกำลังกายในแต่ละครั้งควรมีทั้งหนักและเบาสลับกันไป และควรเปลี่ยนประเภทของการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม
- เบา, ช่วงยาว = ใช้ไขมัน
- หนัก, ช่วงสั้น = ใช้แป้ง
ประโยชน์ของการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
1. ลดความอ้วน 2. ลดไขมัน 3. ลดความดันโลหิตได้ ประมาณ 10 – 15 mmHg 4. ลดอัตราการเต้นของหัวใจ 5. ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้ดีกว่าเดิม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772