-
อาการปวดหลัง สัญญาณเตือน! จากโรคหลังที่กำลังตามมา
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
06-ต.ค.-2565

อาการปวดหลัง สัญญาณเตือน! จากโรคหลังที่กำลังตามมา
อาการปวดหลัง เป็นอาการยอดฮิตของคนไทยที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ หรือมีการใช้งานบริเวณหลังมากๆ โดยปัจจัยในการเกิดอาการปวดหลังของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ซึ่งบางคนอาจปวดหลังเพียงเล็กน้อย หรือบางคนอาจปวดมากจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งนี้เราไม่ควรทนต่อความเจ็บปวด เพราะอาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายได้!

 

สาเหตุและปัจจัยของอาการปวดหลัง

  1. เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การยืน การนั่ง การเดิน การนอนที่ผิดวิธี
  2. การนั่งผิดท่าเป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการขยับร่างกาย
  3. การยกของหนัก หรือก้มยกของด้วยตัวคนเดียว
  4. ที่นอนมีลักษณะไม่ถูกต้องตามสรีระการนอน หรือที่นอนมีลักษณะแข็งหรือนุ่มเกินไป
  5. กลุ่มคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
  6. กลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือมีภาวะอ้วน
  7. กลุ่มคนที่มีภาวะกระดูกพรุน
  8. เกิดโรคบางชนิด หรือเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณหลัง
  9. อายุ โดยเกี่ยวข้องกับการใช้งานหนักและการเสื่อมสภาพของร่างกาย
  10. มีโครงสร้างที่ผิดแปลกไปของกระดูกสันหลังตั้งแต่กำเนิด
  11. การสูบบุหรี่ ที่อาจเป็นสาเหตุให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพ

 

ซึ่งสาเหตุหรือปัจจัยข้างต้นเป็นเพียงการระบุคร่าวๆ เท่านั้น หากต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริง อาจจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การทำ X-ray ด้วย CT Scan หรือ MRI กระดูกสันหลัง เป็นต้น

 


อาการปวดหลังแบบนี้ อาจเป็นสัญญาณจากโรคที่กำลังจะตามมาได้

  1. ปวดหลังแบบกว้างๆ ก้มหรือแอ่นหลังไม่ได้
  2. ปวดหลังเมื่อยกของหนักหรือเล่นกีฬา
  3. ปวดหลังส่วนล่างร้าวลงขา สะโพก หรือก้น
  4. ปวดหลังร้าวเหมือนไฟฟ้าช็อต
  5. ปวดหลังร่วมกับอาการชาหรืออ่อนแรง
  6. ปวดหลังแบบขัดๆ ปวดลึก ปวดเสียว
  7. ปวดหลังแบบเมื่อยล้า
  8. ปวดแนวกระดูกกลางหลัง
  9. ปวดหลังเยื้องออกมาด้านข้าง
  10. ปวดหลังเหนือบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง

อาการปวดหลังเหล่านี้ อาจเป็นสัญญานเตือนของโรคที่อาจตามมา เช่น กล้ามเนื้อหรือเอ็นอักเสบ โรคของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังเสื่อมหรือเคลื่อน ภาวะกระดูกพรุน ภาวะกระดูกสันหลังคด โรคไต และโรคนิ่ว เป็นต้น

ทั้งนี้ ระดับความรุนแรงของอาการปวดหลังของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป มีตั้งแต่อาการปวดที่ปวดเพียงชั่วคราวหรือปวดร้าวฉับพลัน ไปจนถึงอาการปวดที่ส่งผลรบกวนต่อชีวิตประจำวัน หากมีอาการดังกล่าวเป็นระยะเวลานานและไม่รู้สึกดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี

 

อาการปวดหลังหายได้! หากรักษาถูกวิธี

การรักษาอาการปวดหลังสามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด : โดยการรักษาด้วยวิธีนี้สามารถรักษาด้วยการทานยาแก้ปวดหรือทำกายภาพบำบัด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรงของอาการเพิ่มขึ้น อาจใช้การรักษาด้วยวิธีการฉีดยาเข้าเส้นประสาทแทน

การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด : หากการรักษาด้วยวิธีทานยาหรือฉีดยาแล้วพบว่าอาการไม่ดีขึ้น หรือผู้ป่วยมาพร้อมกับอาการในระดับรุนแรง ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดในการรักษา ซึ่งวิธีการผ่าตัดมีด้วยกันหลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้นรวมถึงดุลยพินิจของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีในการรักษา

 


เปลี่ยนท่าทางให้ถูกต้อง...ป้องกันอาการปวดหลังได้!

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อหลัง หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตให้เหมาะสม เช่น

  1. นั่งให้ถูกวิธี หรือลุกขึ้นขยับร่างกายบ้างเพื่อให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหว
  2. ยืนในท่าที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการยืนหลังค่อม หรือยืนลงน้ำหนักขาเดียว
  3. นอนให้ได้คุณภาพ ควรนอนในท่าที่ถูกต้อง และตรวจสอบที่นอนไม่ให้แข็งหรือนุ่มเกินไป
  4. ไม่ยกของหนัก หรือหากจำเป็นต้องยกควรที่จะมีผู้ช่วยในการยกของ หรืออาจก้มยกในท่าที่ถูกต้อง
  5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่หนักเกินไป หรือกิจกรรมที่มีการใช้หลังมากเกินไป
  6. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความแข็งแรงให้ทั้งร่างกายและกระดูก ทั้งยังรักษาน้ำหนักเพื่อให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้อีกด้วย
  7. งดสูบบุหรี่


บทความโดย
นายแพทย์อนันต์ สัจจะมุนีวงศ์
แพทย์ประจำสาขากระดูกและข้อ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ




สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์กระดูกและข้อ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ 
โทร.02 3632 000 ต่อ 2130-2131

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่
Line official account : ศูนย์กระดูก PLS
Line ID : @ortho_paolo_pls

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn