แม่ท้องกินอะไร …ถึงดีต่อลูกน้อย
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
11-พ.ค.-2564

ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงจิตใจ และอารมณ์ของตัวคุณแม่ การเอาใจใส่เรื่องของอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ อาหารประเภทใด ควรหรือไม่ควรรับประทาน รวมถึงปริมาณที่ควรจะรับประทานในแต่ละมื้อต้องคำนึงถึงความสดใหม่ สุก สะอาด อยู่เสมอ รสชาดไม่จัดเกินไป อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายในแต่ละมื้อให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารที่จำเป็น อาทิ

  • โฟเลต มีความสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการของระบบประสาท มีมากในผักใบเขียว ผักใบสีขาว ถั่ว ธัญพืช แต่ถ้าได้รับไม่เพียงพอจะเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของหลอดประสาทไขสันหลังของทารกในครรภ์ได้
  • แคลเซียม จะมีมากในปลาตัวเล็ก นม แนะนำนมที่ไม่มีไขมัน และควรกินพร้อมกับผลไม้ เพราะวิตามินซีช่วยในการดูดซึม
  • ธาตุเหล็ก มีมากในเนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ผักใบเขียว
  • วิตามินดี จะช่วยในเรื่องของการสร้างมวลกระดูกร่วมกับแคลเซียม ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองจากผิวหนังได้โดยรับแสงแดดในตอนเช้าประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
  • ไอโอดีน และไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3เพียงคุณแม่รับประทานปลาทะเลสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง ก็เพียงพอ
  • โพแทสเซียม มาจากผัก และผลไม้ ช่วยในเรื่องพัฒนาการทางระบบประสาทของลูกน้อย หากคุณแม่รับประทานผักผลไม้มากๆ ก็จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และยังได้วิตามินซีด้วย

    การที่ทารกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและเหมาะสมขณะที่อยู่ในครรรภ์ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการที่สมบูรณ์ของอวัยวะที่สำคัญต่างๆ ทั้งทางสมอง และระบบประสาท พัฒนาการที่สมบูรณ์จะส่งผลต่อการเรียนรู้อย่างเหมาะสมกับการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงวัยของร่างกาย

ความต้องการพลังงาน และสารอาหารแต่ละไตรมาส
• ไตรมาสที่1 (1 - 3 เดือน) คุณแม่สามารถรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมที่เคยได้ตามปกติ ยังไม่ต้องเพิ่มจำนวนมากนัก น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
• ไตรมาสที่ 2 (3 - 6 เดือน) ในช่วงเวลานี้คุณแม่ตั้งครรภ์อาจแพ้ท้องน้อยลง ปริมาณอาหารที่ควรรับประทานก็ควรจะเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้พอสำหรับตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ที่เจริญเติบโตขึ้น โดยเพิ่มจากที่คุณแม่รับประทานอยู่เดิม ดังนี้
• เพิ่มไข่ วันละ 1ฟอง
• เพิ่มเนื้อสัตว์ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ
• เพิ่มนม (ไม่มีไขมัน) 1 แก้วต่อวัน
• ข้าว 1 ทัพพี
• ไตรมาส 3 (7 - 9 เดือน) อาหารที่จำเป็นกับการรับประทาน ต้องมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีก อาทิ
• ไข่ 1 ฟองต่อวัน
• เพิ่มเนื้อสัตว์ขึ้นเป็น 4 ช้อนโต๊ะ
• เพิ่มนมเป็น 2 แก้ว ต่อวัน
• ข้าว 1 - 2 ทัพพี

อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีรสจัดเกินไป อาทิ เปรี้ยว หวาน มัน โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเผ็ดมากๆ ซึ่งจะทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสีย แสบท้อง และลูกน้อยไม่สบายตัว ที่สำคัญอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่หิวบ่อย แล้ววิตกกังวลว่าน้ำหนักจะขึ้นเกินมาตรฐาน (น้ำหนักในระหว่างตั้งครรภ์ที่เหมาะสม องค์การอนามัยโลกได้เสนอแนะควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มโดยเฉลี่ย 10-12 กิโลกรัม) หรือไม่นั้น วิธีการควบคุมทำได้ไม่ยาก แค่รับประทานอาหารน้อยๆ แต่บ่อยครั้งเลือกรับประทานอาหารจำพวกผัก และเพิ่มโปรตีน เช่น นมไม่มีไขมันในระหว่างมื้อ ผักใบเขียว ดอกบล็อกโคลี ดอกกระหล่ำปลี สามารถรับประทานเพิ่มได้แต่สิ่งที่สำคัญ คือระมัดระวังเรื่องของน้ำมันที่นำมาปรุงอาหาร น้ำมันที่ควรจะได้ในแต่ละวันอยู่ที่ 1ช้อนโต๊ะเท่านั้น ถ้าคุณแม่รับประทานของทอดเยอะ หรือแม้กระทั่งของหวาน ควรลดปริมาณลง และออกกำลังกายบ้าง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 0-2271-7000 ต่อ สุขภาพสตรี