ต่อมทอนซิลอักเสบ (tonsillitis) เป็นภาวะอักเสบของต่อมทอนซิล ซึ่งผู้ป่วยมักจะมาด้วยอาการเจ็บคอ ในขณะที่อาการเจ็บคอส่วนใหญ่เกิดจาก "คออักเสบ" (pharyngitis) ทั้งจากกลุ่มโรคติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่ประมาณ 70-80% เกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งเชื้อไวรัสอื่นๆ อีกหลายชนิด มีบางส่วนประมาณ 15-20% เกิดจากเชื้อแบคทีเรียซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด และอีกประมาณ 5% เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งมักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ
10 อาการต้องสงสัยต่อมทอนซิลอักเสบ
• เจ็บคอ
• กลืนลำบาก
• เสียงแหบ
• มีไข้สูง
• ปวดศีรษะ ตาแดง (เยื่อตาขาวอักเสบ)
• ปวดเมื่อยตามตัว
• อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
• มีกลิ่นปาก
• บางรายอาจมีอาการท้องเดิน หรือถ่ายเหลวร่วมด้วย
ต่อมทอนซิลอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง และหายได้เอง ในกรณีที่มีอาการเฉียบพลันต่อมทอนซิลอักเสบเป็นหนอง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ อาจมีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่หู บางคนอาจมีอาการปวดท้อง หรืออาเจียนร่วมด้วย

เมื่อพบอาการต้องสงสัยรับมืออย่างไร?
เมื่อมีอาการเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่งควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีไข้เกิน 4 วัน โดยที่อาการยังไม่ดีขึ้นเลย แม้จะดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้ว แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการแสดง และการตรวจดูคอ อาจมีการตรวจเลือดหรือตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และวางแผนการรักษาต่อไป
หากผู้ป่วยละเลยไม่ไปพบแพทย์ อาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น เชื้ออาจลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง ฝีที่ทอนซิล, ติดเชื้อในเนื้อเยื่อชั้นลึกของคอ หรือเชื้ออาจเข้ากระแสเลือดแพร่กระจายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะอื่นๆ เช่น เป็นข้ออักเสบชนิดเฉียบพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ป้องกันต่อมทอนซิลอักเสบได้อย่างไร
• พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
• ออกกำลังกายเป็นประจำ
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• เมื่อมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นทอนซิลอักเสบ (หรือมีไข้ เจ็บคอ) ควรพยายามอย่าอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย
• อย่าใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย
• หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ หู คอ จมูก