ร่างกายเรานั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน โดยเฉพาะอวัยวะภายในที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า จึงเป็นหน้าที่ของวิทยาการทางการแพทย์ที่มีเครื่องมือเข้ามาช่วยตรวจรักษา เพราะหากพบความผิดปกติกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งขึ้นมา ก็อาจส่งผลไปยังส่วนอื่นๆ ได้ อย่างตับอ่อนและท่อทางเดินน้ำดี ซึ่งเป็นท่อขนาดเล็กที่เชื่อมระหว่างตับและถุงน้ำดีไปที่ลำไส้เล็ก โดยน้ำดีนั้นจะถูกสร้างจากตับและถูกนำไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี มีหน้าที่ช่วยทำให้ไขมันแตกตัวในระหว่างการย่อยอาหารที่ลำไส้เล็ก ดังนั้นหากเกิดความผิดปกติขึ้นที่ตับอ่อนหรือท่อน้ำดี ก็ย่อมจะส่งผลถึงกัน ทำให้ต้องมีการส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) เพื่อตรวจหาความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ
ERCP สิ่งนี้คืออะไร
ERCP คือการตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อนด้วยการส่องกล้องโดยฉีดสีเข้าไปในท่อน้ำดี เพื่อดูปัญหา หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น “ปัจจุบันทางการแพทย์ไม่ได้ใช้วิธี ERCP ในการวินิจฉัย แต่มักใช้กับการรักษา เพราะเวลาส่องกล้อง ERCP จะต้องมีการฉีดสี ทำให้ค้นพบว่าอะไรที่ผิดปกติ เช่น สามารถที่จะดึงนิ่วออกมาได้ รวมถึงใช้ระบายท่อน้ำดี กรณีคนไข้มีท่อน้ำดีตีบไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม แม้ว่าการวินิจฉัยในปัจจุบันเรามักจะใช้การทำ CT Scan หรือ MRI และ MRCP แต่บางครั้งเมื่อการตรวจด้วยวิธีต่างๆ เหล่านี้อาจยังไม่ได้คำตอบชัดเจน ก็จะนำวิธีการ ERCP นี้เข้ามาใช้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ERCP ถูกใช้วินิจฉัยเพื่อการรักษาอย่างเดียว” นอกจากนี้ในบางกรณีได้นำ ERCP มาใช้เพื่อการวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น ในกรณีที่จะต้องส่องกล้องซ้อนเข้าไป โดยใช้กล้อง ERCP เป็นหลัก
ปัจจัยที่บ่งบอกว่าควรจะต้องใช้การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดี และตับอ่อน
• ผู้ป่วยโรคดีซ่าน
• มีนิ่วในท่อทางเดินน้ำดี ท่อทางเดินน้ำดี หรือท่อตับอ่อนอุดตัน
• มีเนื้องอกของท่อทางเดินน้ำดี หรือตับอ่อน
• อาการตับอ่อนอักเสบจากนิ่วในท่อทางเดินน้ำดี
• การรั่วของท่อน้ำดี หรือท่อตับอ่อน
เตรียมตัวอย่างไร ถ้าต้องทำ ERCPผู้ที่จะเข้ารับการส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดี และตับอ่อนควรจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการ...
• งดรับประทานอาหาร และดื่มน้ำทุกชนิดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนตรวจ
• ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าคนไข้ไม่มีปัญหาเรื่องเลือดออกง่าย เนื่องจากการทำหัตถการในลักษณะนี้อาจไม่สามารถหยุดเลือดได้ทันที รวมถึงต้องไม่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือในกรณีมีโรคประจำตัวซึ่งต้องใช้กลุ่มยาละลายลิ่มเลือดต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อหยุดยาป้องกันภาวะเลือดออกง่าย
ขั้นตอนการส่องกล้อง “แพทย์จะให้คนไข้นอนตะแคง ก่อนจะใส่ท่อพลาสติกสั้นๆ ไว้ในช่องปากเพื่อป้องกันการกัดกล้องตรวจ จากนั้นจึงค่อยใส่กล้องส่องตรวจผ่านท่อพลาสติกเข้าไปในปาก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหารจนถึงท่อเปิดของน้ำดีในลำไส้เล็ก และฉีดสารทึบแสง ถ่ายภาพ X-ray หากพบความผิดปกติ เช่น มีก้อนนิ่ว ก็จะทำการดึงนิ่วออก รวมถึงใส่ท่อระบายน้ำดี ถ้าพบว่ามีการอุดตันของท่อทางเดินน้ำดี หรือท่อตับอ่อน โดยปกติแล้วจะฉีดเข้าไปในท่อน้ำดีอย่างเดียว แต่หากจำเป็นต้องดูพยาธิสภาพในตับอ่อนก็ทำได้ แต่มักไม่ค่อยนิยมทำ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงตามมา”
ปฏิบัติตัวอย่างไรหลัง ERCP เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการส่องกล้องแล้ว คนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย ยกเว้นในบางกรณี หากว่าเป็นการส่องกล้องที่ใช้ระยะเวลานาน หรือมีความยากในการทำก็อาจจะต้องให้ยาฆ่าเชื้อ และต้องเฝ้าระวังอาการปวดหลังจากทำ ส่วนอาการข้างเคียงหลังจากการทำ ERCP นั้น พบว่าอาการเลือดออกสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีการทำหัตถการ หรือภาวะของการทะลุ ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่ลำไส้ทะลุจนถึงท่อน้ำดีทะลุ และกรณีฉีดสีเข้าไปในท่อของตับอ่อนก็ทำให้ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันได้ ซึ่งอาการข้างเคียงเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งขณะส่องกล้อง และเกิดหลังจากกลับไปพักฟื้นที่บ้านก็ได้เช่นกัน
หากมีอาการปวดท้อง ไข้ขึ้นสูง หอบเหนื่อยขึ้นมา ให้รีบมาพบแพทย์ทันที เพราะการเกิดลำไส้ทะลุ มักทะลุที่ด้านหลัง จะไม่ได้ทะลุเข้าช่องท้อง คนไข้ก็อาจไม่รู้สึกปวดท้องเฉียบพลันทันที เพียงแต่จะอยู่แบบไม่สุขสบาย มีไข้ รู้สึกเหนื่อย หรือชีพจรเต้นเร็ว เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นภายในร่างกายโดยที่ไม่แน่ใจ ให้แพทย์ช่วยหาคำตอบให้... จะปลอดภัยกว่า
พญ. วิภาวี อินทโสตถิ
ศัลยกรรมตับ ตับอ่อนและทางเดินน้ำดี
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ ศัลยกรรม