มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่พบมากในผู้หญิง เป็นความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดขึ้นบริเวณปากมดลูก สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกที่มีความผิดปกติ โดยการตรวจภายในร่วมกับการเก็บตัวอย่างเซลล์บริเวณปากมดลูกไปตรวจ มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกไม่มีสัญญาณ เมื่อมีอาการมักเป็นในระดับรุนแรง มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus) แม้จะมีหลายสายพันธุ์ แต่มีสายพันธุ์หลักที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณอวัยวะเพศของทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HPV 16 และ 18 เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก และผู้ที่มีความเสี่ยง คือ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกคน ทั้งผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือคนเดียวก็ตาม แต่ผู้ที่มีคู่นอนหลายคนมีโอกาสได้รับเชื้อเอชพีวีมากขึ้น มะเร็งปากมดลูกในช่วงก่อนเป็นมะเร็ง
ระยะเริ่มแรกจะไม่ปรากฏอาการ เมื่อมีอาการมักอยู่ในระยะรุนแรง อาการที่พบมาก ได้แก่
• มีเลือดออกทางช่องคลอด หลังจากมีเพศสัมพันธ์
• ตกขาวมีความผิดปกติ
• ประจำเดือนมาน้อย หรือมามากผิดปกติ
• เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
• เลือดออกในวัยหลังหมดประจําเดือน
• อ่อนเพลีย ซีด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
• มีการบวม
• ปัสสาวะไม่ออก หรือไหลไม่หยุด
• ปวดท้องน้อย
หากเข้าสู่ระยะลุกลาม ผู้ป่วยอาจจะมาด้วยอาการขาบวมทั้งสองข้าง เนื่องจากท่อน้ำเหลืองอุดตัน ปวดหลัง ปัสสาวะเป็นเลือด ไตวาย หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เนื่องจากก้อนมะเร็งลุกลามไปโดนท่อปัสสาวะ หรือลำไส้ มะเร็งปากมดลูกแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้
• ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งจำกัดอยู่เฉพาะในบริเวณปากมดลูก
• ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งลุกลามไปบริเวณโดยรอบ เช่น ช่องคลอดส่วนบน เนื้อเยื่อที่อยู่ติดกับปากมดลูก
• ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งแพร่ไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น ช่องคลอดส่วนล่าง ต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อภายในอุ้งเชิงกราน
• ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือออกนอกอุ้งเชิงกราน รวมทั้งปอด ตับ กระดูก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
• การตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) แพทย์จะใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เป็นวิธีที่ใช้มาเป็นเวลานาน
• ตินเพร็พ ( Pap Test) พัฒนามาจากการตรวจจากวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพ และแม่นยำมากขึ้น โดยเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ จากนั้นใส่ลงในขวดน้ำยาตินแพร็พ ก่อนนำส่งเพื่อตรวจผลในห้องปฏิบัติการ
• การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA ด้วย Thin Prep Plus Cervista HPV DNA Testing เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการเจาะลึกขึ้นว่ามีการติดเชื้อ HPV 16 และ HPV 18 หรือไม่ จะช่วยบอกความเสี่ยงต่อการมีรอยโรคแอบแฝง
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ช่วงการตรวจที่ดีที่สุดคือ 10 วันตรงกลาง โดย 1 เดือนเราแบ่งเป็น 3 ช่วงๆ ละ 10 วัน วันแรกที่มีประจำเดือนนับเป็นวันที่ 1 และนับต่อไปวันที่ 11 หลังจากมีประจำเดือนวันแรก ถึงวันที่ 20 นั่นเอง ซึ่งค่าเบี่ยงเบนจะมีน้อย ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด
พบว่าเป็นมะเร็ง ต้องทำอย่างไร?
หากมะเร็งเกิดขึ้นในระยะแรก การผ่าตัดเป็นวิธีที่ได้ผลดีอย่างมาก แต่หากเกิดขึ้นในระยะลุกลามมากแล้ว จะใช้รังสีช่วย และฉายแสงร่วมกับการใส่แร่ หรือผสมผสานระหว่างการผ่าตัดรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด โดยทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ อาทิ
• แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวางแนวทางที่เหมาะสมกับผู้ป่วย เพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด และทำให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีดังเดิมมากที่สุด
• พยาบาลเฉพาะทางให้คำปรึกษาผู้ป่วยทางด้านมะเร็งสตรี เป็นผู้ที่ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เข้าใจถึงความต้องการของผู้ป่วยทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ เฝ้าติดตามอาการ ให้คำแนะนำ พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
• เภสัชกรจัดยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละท่าน ตามการพิจารณาของแพทย์ พร้อมทั้งยังติดตามผลข้างเคียงจากการใช้ยาของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
• นักกำหนดอาหารจะคอยจัดอาหารที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วย เพราะแต่ละท่านมีความต้องการสารอาหารเฉพาะที่ต่างกัน จึงต้องได้รับการวางแผนเรื่องอาหารที่เหมาะสม รวมถึงแนะนำการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยที่กลับไปพักฟื้นที่บ้าน เพื่อช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• นักกายภาพบำบัดจะคอยให้คำปรึกษา แนะนำผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพื่อฟื้นฟูให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่แข็งแรงดังเดิม
แนวทางป้องกัน
• หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลายคู่นอน
• หลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
• เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาวผิดปกติ เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรมาพบแพทย์
• ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็ง เพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 1772 ต่อ สุขภาพสตรี