โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
สามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization with Coronary Angiography) คือ การฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในเส้นเลือดหัวใจโดยตรง เพื่อถ่ายภาพเส้นเลือดหัวใจให้เห็นบริเวณที่มีการตีบตันของเส้นเลือด โดยจะฉีดยาชาที่ขาหนีบ หรือข้อมือซ้าย หรือขวาของคนไข้ หลังจากนั้นแพทย์จะเจาะรูเล็กๆ ที่ผิวหนัง แล้วสอดสายสวนขนาดประมาณ 2.5 มม. เข้าในเส้นเลือดแดงผ่านไปที่เส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า จากนั้นแพทย์จะฉีดสารทึบรังสีเอ็กซเรย์เข้าทางสายสวนไปที่หลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจสอบว่ามีการตีบแคบ หรือตีบตันของหลอดเลือดหรือไม่ เพื่อพิจารณาแนวทางการรักษา วิธีนี้สามารถมองเห็นบริเวณเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจว่าอุดตันกี่แห่ง สภาพหลอดเลือดเป็นอย่างไร สามารถรักษาโดยขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนได้หรือไม่ ควรรักษาด้วยวิธีใดเหมาะสมที่สุด
การสวนหลอดเลือดหัวใจปัจจุบันสามารถทำได้ 2 จุดหลัก คือ บริเวณขาหนีบและบริเวณข้อมือ การสวนหลอดเลือดหัวใจบริเวณขาหนีบ (Femoral Artery) โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ผ่าตัด ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-60 นาที หลังจากทำเสร็จจะดึงสายสวนออก และกดบริเวณขาหนีบประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยจึงต้องนอนราบ และงอขาหนีบไม่ได้ 6-10 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกนั่ง หรือเดินได้ในทันที
สำหรับการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านบริเวณข้อมือ (Radial Artery) สามารถทำผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือได้ โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้น 4-8 ชม. หลังการทำหัตถการสามารถลุก นั่ง หรือยืนได้ทันที มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ที่ใส่ไว้เพียงไม่นาน โดยแพทย์ต้องมีความชำนาญในวิธีนี้
อีกทั้ง ยังมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะคนไข้ที่อ้วนมาก และมีภาวะหลอดเลือดขาส่วนปลายตีบ การทำบริเวณข้อมือเป็นทางเลือกที่ดี แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำได้ สำหรับกรณีที่ต้องสงวนรักษาหลอดเลือดแดงที่ข้อมือไว้เพื่อใช้รักษากรณีอื่น เช่น การฟอกไต เป็นต้น
จากการพัฒนาวิทยาการทางการแพทย์ด้านโรคหัวใจ ทำให้การดูแลรักษาโรคหัวใจไม่ใช่สิ่งน่ากลัวอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อพบอาการผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจรักษาได้อย่างทันท่วงที
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ ศูนย์หัวใจ