-
“โรคกระดูกพรุน” สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
29-พ.ค.-2568

“โรคกระดูกพรุน” สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง

“โรคกระดูกพรุน” สัญญาณเงียบ...ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณโดยไม่รู้ตัว
          โรคกระดูกพรุน เป็นภัยสุขภาพที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่กลับนำไปสู่ภาวะกระดูกหักได้ง่าย เพียงล้มแค่เบาๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือแม้แต่คนที่ขาดการดูแลกระดูกอย่างเหมาะสม หากเริ่มปวดเรื้อรัง นั่นอาจเป็น สัญญาณของโรคกระดูกพรุน
ที่ไม่ควรมองข้าม เช็กความเสี่ยง พร้อมวิธีป้องกันก่อนจะสายเกินไป!



          “โรคกระดูกพรุน” คือ ภาวะที่ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงและโครงสร้างภายในของกระดูกเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกเปราะบาง และหักได้ง่าย โดยปกติกระดูกของคนเราจะมีการสร้างและสลายอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่ออายุมากขึ้น หรือมีปัจจัยบางอย่าง เช่น การขาดแคลเซียม ฮอร์โมนเพศลดลง หรือใช้ยาบางชนิดนานเกินไป กระบวนการสร้างกระดูกจะน้อยลง ทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง จนเกิดโรคกระดูกพรุนในที่สุด

สาเหตุที่ทำให้เกิด “โรคกระดูกพรุน”

  • อายุที่เพิ่มขึ้น: หลังอายุ 50 ปี ขึ้นไป มวลกระดูกจะลดลงโดยธรรมชาติ
  • ารเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน:เมื่อฮอร์โมนเพศลดลง จะทำให้สูญเสียมวลกระดูกเร็วขึ้น
  • รับแคลเซียมไม่เพียงพอ: หรือรับวิตามินที่สำคัญในการสร้างกระดูกไม่เพียงพอ
  • การใช้ยาบางประเภทในระยะยาว: เช่น สเตียรอยด์ ยารักษาโรคซึมเศร้า
  • โรคประจำตัวโรคบางชนิด: ส่งผลให้เกิดภาวะมวลกระดูกลดลง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคข้อรูมาตอยด์
  • พฤติกรรม:เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ออกกำลังกาย
  • น้ำหนักตัว: ร่างกายที่ผอมมากเกินไป เสี่ยงกระดูกหักง่าย


อาการของ “โรคกระดูกพรุน” สังเกตได้อย่างไร?

  • ปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณช่วงเอวหรือกลางหลัง อาจเกิดจากการยุบตัวของกระดูกสันหลัง
  • ความสูงลดลง 4 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับความสูงสูงสุดของผู้ป่วย หรือมากกว่า 2 เซนติเมตร ขึ้นไป จากการวัดส่วนสูง 2 ครั้ง
  • หลังค่อม ไหล่งุ้ม โครงสร้างลำตัวเปลี่ยนไป เกิดจากกระดูกสันหลังเสื่อมทรุดสะสม
  • กระดูกหักง่ายผิดปกติ เช่น หกล้มเบาๆ หรือสะดุดแล้วกระดูกหัก โดยเฉพาะบริเวณข้อมือ สะโพก หรือสันหลัง
  • รู้สึกไม่มั่นคงเวลายืนหรือเดิน เสี่ยงต่อการล้มง่ายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ


วิธีตรวจวินิจฉัย “โรคกระดูกพรุน”

  • ตรวจมวลกระดูกด้วยเครื่อง BMD (Bone Mineral Density)วัดความหนาแน่นของกระดูกที่สะโพกสันหลังและข้อมือด้วยเครื่อง DEXA Scanซึ่งเป็นวิธีตรวจที่แม่นยำรวดเร็วและไม่เจ็บตัวผลตรวจจะออกมาในรูปของค่า T-score

T-score ≥ -1 : กระดูกปกติ

T-score ระหว่าง -1 ถึง -2.5 : ภาวะกระดูกบาง (Osteopenia)

T-score ≤ -2.5 : โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)

  • การตรวจเอกซเรย์ ใช้เพื่อตรวจหากระดูกสันหลังที่อาจยุบตัว หรือดูโครงสร้างของกระดูกโดยรวม แต่ไม่สามารถวัดความหนาแน่นของกระดูกได้โดยตรง




แนวทางป้องกันและรักษา “โรคกระดูกพรุน”

          แม้ว่าโรคกระดูกพรุนจะพบได้มาก ตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในวัย 40 ปีขึ้นไป ที่เป็นช่วงสำคัญของการสะสมมวลกระดูก

  • การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ปลาตัวเล็กกินได้ทั้งกระดูก เต้าหู้ งาดำ และผักใบเขียว
  • การออกกำลังกาย แนะนำให้ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ และเล่นเวทเทรนนิ่ง เพื่อกระตุ้นการสร้างกระดูก
  • เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มกาแฟเกินวันละ 2-3 แก้ว หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สำหรับผู้หญิง ไม่ควรเกิน 1 Unit/วัน และผู้ชาย ไม่ควรเกิน 2 Unit/วัน (1 Unit=แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 8 กรัม)
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกบางและหักง่าย
  • ตรวจมวลกระดูก (BMD) เป็นประจำ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือผู้ที่มีประวัติกระดูกหัก ควรตรวจทุก 1 - 2 ปี
  • การใช้ยา ยาชะลอการสลายกระดูก, ยากระตุ้นการสร้างกระดูก
  • การบำบัดด้วยฮอร์โมน (กรณีจำเป็น) สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
  • การเสริมแคลเซียมและวิตามินดี

                      ควรได้รับแคลเซียมประมาณ 1,000 - 1,200 มก./วัน ไม่ควรเกิน 1,500 มก./วัน

ควรได้รับวิตามินดี2 20,000 Unit/สัปดาห์

ควรได้รับวิตามินดี3 800 - 2,000 Unit/วัน หรือมากกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์แนะนำ

                     จำกัดโซเดียม ไม่เกิน 2,300 มก./วัน





ใครบ้างที่ควรตรวจมวลกระดูก?

  • ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้หญิงหมดประจำเดือนก่อน 45 ปี
  • ผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่กระดูกหักง่าย จากอุบัติเหตุเล็กน้อย หรือการล้มเบาๆ
  • ผู้ที่มีประวัติ โรคกระดูกพรุนในครอบครัว
  • ผู้ที่มีประวัติใช้ยาสเตียรอยด์ เป็นเวลานาน (เช่น รักษาภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง) มากกว่า 3 เดือน
  • ผู้ที่มีภาวะหรือโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อมวลกระดูก โรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคไตเรื้อรัง
    • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง รับแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ น้ำหนักตัวน้อยเกินไป สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และขาดการออกกำลังกาย
    • ผู้ป่วยที่ กระดูกสันหลังผิดรูปจากกระดูกหลังยุบ

         
          โรคกระดูกพรุนสามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง การเข้ารับการตรวจมวลกระดูกอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจในทุกวัย


บทความโดย

นายแพทย์กฤตเมธ อมรรักษา

แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมกระดูกและข้อ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ




สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

ศูนย์กระดูกและข้อ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ 
โทร.02 3632 000 ต่อ 2130-2131

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่
Line official account : ศูนย์กระดูก PLS
Line ID : @ortho_paolo_pls

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn