ตัวเลขในผลตรวจสุขภาพ…บอกอะไรเราบ้าง?
โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4
21-มี.ค.-2566

เมื่อเราไป ตรวจสุขภาพ ก็จะต้องพบกับคำศัพท์ในการตรวจสุขภาพวัดค่าต่างๆ มากมาย รวมถึงตัวเลขที่ได้ก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่คุณหมอเท่านั้นที่รู้ความหมาย และถึงแม้คุณหมอจะอธิบายให้เราเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว แต่พอกลับถึงบ้านก็มักสับสนกับค่าต่างๆ ว่าดีหรือแย่มากน้อยแค่ไหน สรุปแล้วร่างกายเรายังปกติดี เริ่มมีปัญหา หรือว่าส่วนไหนต้องดูแลกันเป็นพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้เราจะมาทำความเข้าใจใน ผลตรวจสุขภาพพื้นฐาน กันว่า ปกติแล้วจะมีการตรวจสุขภาพอะไรบ้าง และค่าตัวเลขสุขภาพที่ได้บอกถึงสุขภาพในแต่ละอวัยวะว่าเป็นอย่างไรบ้าง

 

แพ็กเกจตรวจสุขภาพพื้นฐาน...ตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพพื้นฐานของโรงพยาบาลต่างๆ จะมีการวัดส่วนสูงและน้ำหนัก วัดความดันโลหิตก่อนเจาะเลือดและเก็บปัสสาวะไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันประเภทต่างๆ ในเลือด ค่าการทำงานของตับและไต ค่ากรดยูริก และค่าต่างๆ ที่ตรวจได้จากปัสสาวะ เป็นต้น

 

ตัวเลขผลการตรวจสุขภาพ...กับค่าที่เราต้องรู้

1.ผลตรวจสุขภาพความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count : CBC)

เป็นการตรวจนับปริมาณ และลักษณะของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด 

ตรวจเม็ดเลือดแดง วัดค่าฮีโมโกลบิน (Hemoglobin: Hb/HGB) 

  • ค่ามาตรฐานสำหรับผู้ชาย = 13.5-17.4 g/dL
  • ค่ามาตรฐานสำหรับผู้หญิง = 12.0-16.00 g/dL

หากมีน้อยจะเกิดภาวะโลหิตจาง (Anemia) เลือดจะนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ไม่ดี หากมีมากเลือดจะหนืด (Polycythemia) เลือดไหลเวียนช้า เสี่ยงภาวะเม็ดเลือดแดงอุดตันบริเวณหลอดเลือดฝอย แต่พบไม่บ่อย

ตรวจเม็ดเลือดขาว เพื่อดูจำนวนเซลล์ (White Blood Cell Count : WBC)

  • ค่าปกติของเม็ดเลือดขาวในคนที่แข็งแรงดีจะอยู่ที่ 4,500-10,000 cell/mL

หากตรวจพบค่าสูงกว่าปกติอาจมีภาวะการติดเชื้อ แต่ถ้าค่าต่ำกว่าปกติจะเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

ตรวจเกล็ดเลือด (Platelet Count) 

  • ปริมาณเกล็ดเลือดมาตรฐานคือ 140,000-440,000 platelets/mm3

หากมีเกล็ดเลือดน้อยเกินไปจะมีภาวะเลือดหยุดยากหรือไม่หยุดเมื่อมีแผล ถ้ามีเกล็ดเลือดมากไปจะเสี่ยงภาวะหลอดเลือดตีบได้ง่าย

 

2.ผลตรวจสุขภาพระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar)

เพื่อหาข้อบ่งชี้ของโรคเบาหวานหลังการงดอาหารและเครื่องดื่มที่ให้พลังงานมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยหาค่าระดับกลูโคสในเลือด (Blood Glucose)

  • ค่ามาตรฐานคือ 70-100 mg/dL
  • หากเกิน 100 mg/dL จะเข้าข่ายเสี่ยงโรคเบาหวาน ควรตรวจติดตามผลทุกปี
  • หากเกิน 126 mg/dL ถือว่ามีความเสี่ยงโรคเบาหวานสูง ควรทำการตรวจซ้ำในวันอื่น หรือทำการตรวจระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมจาก ฮีโมโกลบิน เอวันซี (GlycatedHb-HbA1c) หากได้ค่าเกิน 7 จะยืนยันได้ว่าเป็นเบาหวานแล้ว

 

3.ผลตรวจสุขภาพระดับไขมันคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกรีเซอร์ไรด์ (Triglyceride)

เป็นการตรวจเพื่อหาความเสี่ยงในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง โดยค่าที่เหมาะสมคือ

  • คลอเลสเตอรอล (Cholesterol) ต้องไม่เกิน 200 mg/dL 
  • ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ต้องไม่เกิน 150 mg/dL
  • ไขมันไม่ดี (LDL-Cholesterol) ต้องไม่เกิน 100 mg/dL 
  • ไขมันดี (HDL-Cholesterol) ในผู้หญิงต้องมากกว่า 40 mg/dL ในผู้ชายต้องมากกว่า 50 mg/dL

 

4.ผลตรวจสุขภาพการทำงานของตับ (Liver Function Test : LFT)

เป็นการตรวจหาเอนไซม์ของตับ เพื่อดูการทำงานของตับว่าผิดปกติหรือไม่ โดยวัดค่า SGOT (Serum Glutamic Oxaloacetic Transaminase) หรือ AST (Aspartate Transaminase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบได้มากที่ตับและกล้ามเนื้อหัวใจ โดยค่าปกติของ SGOT (AST) ในผู้ชายและผู้หญิงจะต่างกัน ดังนี้

  • ผู้ชาย 8-46 U/L
  • ผู้หญิง 7-34 U/L

ส่วนค่า SGPT (Serum Glutamate-Pyruvate Transaminase) หรือ ALT (Alanine Aminotransferase) จะบอกถึงความเป็นพิษต่อตับที่อาจเกิดจากยาบางชนิด แอลกอฮอล์

 

อาหาร หรือการติดเชื้อไวรัส โดยทั่วไปการตรวจตับจะนิยมตรวจค่า SGOT คู่กับค่า SGPT เสมอ โดยค่าปกติของ SGPT (ALT) ในผู้ชายและผู้หญิงจะไม่เท่ากัน คือ

  • ผู้ชาย 30 U/L
  • ผู้หญิง 19 U/L

หากค่าที่วัดได้สูงกว่าปกติอาจบอกได้ว่าตับหรือตับอ่อนกำลังมีปัญหา

 

5.ผลตรวจสุขภาพการทำงานของไต (Blood Urea Nitrogen : BUN) และ ครีอะตินิน (Creatinine)

การตรวจค่า BUN เป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดค่าไนโตรเจนจากส่วนประกอบของยูเรีย ว่ามีการรั่วออกมาในกระแสเลือดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในผู้ใหญ่

  • ค่า BUN ปกติจะอยู่ในช่วง 10-20 mg/dL

หากตรวจพบค่า BUN สูง แสดงว่าการทำงานของไตกำลังมีปัญหา อาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ 

ส่วนค่าครีอะตินิน (Creatinine) เป็นการตรวจสมรรถภาพการทำงานของไตว่ายังขับครีอะตินินออกทางปัสสาวะได้ดีอยู่หรือไม่ ซึ่งค่าปกติของครีอะตินิน คือ

  • ผู้ชาย 0.6-1.2 mg/dL
  • ผู้หญิง 0.5-1.1 mg/dL

หากค่าที่ได้สูง แสดงว่าไตทำงานแย่ลง ขับครีอะตินินได้ไม่ดี ทำให้เหลือค้างในกระแสเลือดมากเกินไป 

 

6.ผลตรวจสุขภาพกรดยูริก (Uric Acid) 

เป็นการตรวจกรดยูริกในเลือด หรือหาความเสี่ยงโรคเก๊าต์ ซึ่งค่าปกติ

  • ผู้ชายต้องไม่เกิน 5 mg/dL 
  • ผู้หญิงต้องไม่เกิน 8 mg/dL

ทั้งนี้การมีค่ายูริกสูง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรคเก๊าต์ หรือมีอาการปวดบวมตามข้อเสมอไป แต่ควรปรับพฤติกรรมเพื่อให้ค่ากลับมาเป็นปกติ

 

7.ผลตรวจสุขภาพปัสสาวะ (Urine Analysis : UA)

เป็นการตรวจลักษณะทางกายภาพ สี กลิ่น ความใสของน้ำ สารเคมีหรือสารเจือปนต่างๆ แต่หลักๆ แล้วการตรวจปัสสาวะจะเป็นการหาความถ่วงจำเพาะ (Urine Specific Gravity) ซึ่งสามารถบอกได้ถึงการดื่มน้ำที่เพียงพอหรือไม่ โดยในผู้ที่ร่างกายปกติจะมี

  • ค่าความถ่วงจำเพาะ อยู่ที่ 1.005 – 1.030

หากตรวจพบค่าที่มากเกินไปแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป ควรปรับพฤติกรรม

หรือหากตรวจเวลาไหนของวันยังได้ไม่เกิน 1.005 นั่นอาจแสดงว่ากลไกการควบคุมความเข้มข้นของปัสสาวะของไตเสื่อมสมรรถภาพ

 

อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสุขภาพทั้งหมดนี้ นับเป็นการตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ยังต้องมีการพบแพทย์ เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกายด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อประกอบการวินิจฉัย ซึ่งหากแพทย์พบความผิดปกติหรือประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงโรคอื่นใด อาจแนะนำให้ทำการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือพิเศษเพื่อผลที่ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น จะได้ทำการป้องกันการลุกลาม หรือรีบรักษาอย่างตรงจุดต่อไป

 

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

อาคาร 3 ชั้น 1 ศูนย์ตรวจสุขภาพ

โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4

สอบถามเพิ่มเติมโทร.02-514-4141 ต่อ 5160 - 5161

Line id : @Paolochokchai4