-
รู้จักกับ “ภาวะไส้ติ่ง” กับสิ่งที่หลายคนละเลย
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
21-ส.ค.-2567

รู้จักกับ “ภาวะไส้ติ่ง” กับสิ่งที่หลายคนละเลย

คุณเคยสงสัยไหมว่าไส้ติ่งที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์นั้นมีความสำคัญอย่างไรในร่างกายของเรา? แม้จะเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้น ความเล็กน้อยนี้ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ทันที วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับไส้ติ่ง ตั้งแต่หน้าที่ สาเหตุการอักเสบ ไปจนถึงการรักษาที่ถูกต้อง

 


หน้าที่ของไส้ติ่ง (Appendix)

ไส้ติ่งคือถุงเล็กๆ ที่อยู่ติดกับลำไส้ใหญ่บริเวณช่องท้องขวาล่าง แม้ว่าในปัจจุบันไส้ติ่งจะไม่มีบทบาทสำคัญในระบบย่อยอาหารของเรา แต่ในอดีตมันอาจเคยมีหน้าที่ช่วยย่อยสลายเซลลูโลสในอาหารที่มีใยอาหารสูง อีกทั้งยังมีบทบาทในการสร้างและสะสมเนื้อเยื่อน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เรามีแหล่งสะสมเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์

 

ไส้ติ่งอักเสบ…อวัยวะเล็กที่สร้างปัญหาใหญ่

เมื่อไส้ติ่งเกิดการอักเสบหรือที่รู้จักกันในชื่อ “ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)” มักเกิดจากการอุดตันในไส้ติ่ง ซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตและทำให้เกิดการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องเฉียบพลันที่เริ่มต้นจากบริเวณสะดือลามไปยังช่องท้องขวาล่าง รวมถึงมีอาการอื่นๆ ที่อาจพบได้คือ ไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร หากไม่ได้รับการรักษาทันที ภาวะไส้ติ่งอักเสบอาจทำให้ไส้ติ่งแตก และการติดเชื้อจะแพร่กระจายไปทั่วช่องท้อง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 


อะไรทำให้ไส้ติ่งอักเสบ?

ในปัจจุบันสาเหตุของการอักเสบของไส้ติ่งยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่อาจเกิดจากปัจจัยที่เหล่านี้ได้แก่ :

  • การอุดตันของไส้ติ่งจากก้อนอุจจาระหรือวัสดุอื่น ๆ
  • การติดเชื้อจากแบคทีเรีย
  • การบวมของเนื้อเยื่อภายในไส้ติ่ง
  • พฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไส้ติ่งอักเสบ เช่น

- การบริโภคอาหารที่มีกากใยน้อย : การทานอาหารที่มีกากใยต่ำอาจทำให้เกิดการสะสมของก้อนอุจจาระในไส้ติ่ง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดการอักเสบของไส้ติ่งในที่สุด

- การดื่มน้ำน้อย : การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้ก้อนอุจจาระแข็งตัวและอุดตันในไส้ติ่ง

- การบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด : อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติและเพิ่มโอกาสในการอักเสบ

- การไม่ออกกำลังกาย : การขาดการออกกำลังกายอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าและเกิดการสะสมของก้อนอุจจาระในลำไส้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นไส้ติ่งอักเสบ และอายุ ซึ่งพบมากในผู้ที่มีอายุระหว่าง 10-30 ปี

 

รักษาอย่างไรกับภาวะไว้ติ่งอักเสบ

การรักษาไส้ติ่งอักเสบมักเป็นการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก (Appendectomy) ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดเปิดหน้าท้องและการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) โดยการผ่าตัดผ่านกล้องจะมีข้อดีที่แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกลับมาเป็นใหม่

 


แม้ว่าไส้ติ่งจะเป็นอวัยวะที่ดูเหมือนไม่มีหน้าที่สำคัญ แต่การอักเสบของไส้ติ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดท้องและอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ การรู้จักอาการและการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนั้น การดูแลสุขภาพของเราจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดท้องเฉียบพลัน อย่ารอช้า ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะความเร็วในการรักษาคือกุญแจสู่การหายขาดและปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

 

บทความโดย
นายแพทย์สุรินทร์ ดิกิจ
แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ



สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

แผนก ศัลยกรรมทั่วไป อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2145-2146

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn