-
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่....ภาวะที่ผู้หญิงทุกคนต้องระวัง
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
16-ส.ค.-2566

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่....ภาวะที่ผู้หญิงทุกคนต้องระวัง

อาการปวดประจำเดือนของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องปกติเสมอไป เพราะหากปวดท้องรุนแรงหรือปวดหนักขึ้นทุกเดือนเมื่อไหร่ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคที่เกิดกับอวัยวะภายในของผู้หญิง อย่าง “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” และแม้ว่าภาวะนี้อาจไม่ร้ายแรงในตอนเริ่มต้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ติดตามอาการ อาจสร้างปัญหาที่รุนแรงต่อสุขภาพในอนาคต




ทำความรู้จัก “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่”

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญในบริเวณที่อยู่นอกเหนือจากภายในโพรงมดลูก ซึ่งปกติแล้ว ประจำเดือนของผู้หญิงจะเกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก โดยมีฮอร์โมนจากรังไข่เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโต เมื่อถึงเวลาที่เยื่อบุต้องลอกออกและไหลมาพร้อมกับเลือดทางช่องคลอด บางครั้งก็ไหลออกมาจากช่องคลอดไม่หมด คือมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนกลับเข้าไปบริเวณท่อนำไข่เข้าสู่ช่องท้อง

โดยเยื่อบุที่ปะปนอยู่ในประจำเดือนที่ไหลย้อนกลับเข้าไปนั้น อาจเข้าไปฝังตัวและเติบโตตามอวัยวะต่างๆ เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ ผนังกระเพาะปัสสาวะ เยื่อบุช่องท้อง หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ที่ยึดมดลูกไว้ ส่งผลให้เกิดการสะสมจนอักเสบกลายเป็นพังผืด

กรณีที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปฝังตัวอยู่ในรังไข่ เมื่อถึงเวลาที่เยื่อบุต้องลอกออกเป็นประจำเดือน แต่ไม่มีทางออกของเลือด ก็จะเกิดการสะสมของเลือดขึ้นกลายเป็นซีสต์ เลือดที่สะสมนานก็จะข้นเป็นสีน้ำตาลคล้ายช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์”

 

ประจำเดือนผิดปกติ...สัญญาณเตือนโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

อาการของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นหรือสามารถสังเกตได้ในช่วงมีประจำเดือน ดังนี้

  • มีอาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรงและเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรอบเดือน
  • ประจำเดือนมาผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ มานานกว่าปกติ หรือมาแบบกะปริบกะปรอย
  • รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยจะเป็นอาการเจ็บลึกๆ
  • ปวดท้องขณะปัสสาวะหรือถ่ายอุจจาระ
  • มีภาวะมีบุตรยาก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักพบว่าตนเองมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เมื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยภาวะมีบุตรยาก
  • คลำเจอก้อนในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณช่องท้องส่วนล่าง
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก ปวดหลัง หรือรู้สึกคลื่นไส้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน

ทั้งนี้ อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการเฉพาะเจาะจงที่บ่งบอกถึงการเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายถึงโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอวัยวะภายในของผู้หญิง

ส่วนความรุนแรงของอาการ ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความร้ายแรงของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจมีรอยโรคของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลย อาจมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่รุนแรงได้

 


การตรวจวินิจฉัยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่...ทำได้หลายวิธี

การตรวจวินิจฉัยภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถทำได้หลายวิธี โดยเบื้องต้นแพทย์จะซักประวัติผู้ป่วยอย่างละเอียด และอาจทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ดังนี้

  • ตรวจภายใน วิธีนี้จะทำให้แพทย์เห็นความผิดปกติเบื้องต้น จากการคลำบริเวณท้องน้อยและภายในช่องคลอด หรือใส่อุปกรณ์เพื่อดูอวัยวะภายในช่องคลอด
  • ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องหรือช่องคลอด วิธีนี้จะทำให้แพทย์เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในช่องท้องได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะช่วยให้แพทย์วางแผนการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยศัลยแพทย์จะได้ทราบถึงตำแหน่งและขนาดของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้อย่างละเอียด
  • การผ่าตัดส่องกล้อง เป็นการตรวจด้วยวิธีการส่องกล้องเพื่อดูอวัยวะในช่องท้อง วิธีนี้ยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคโดยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพื่อหาความผิดปกติอื่นๆ ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การเลือกตรวจวิธีใดจะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยในแต่ละราย และดุลพินิจของแพทย์ในการพิจารณารูปแบบการวินิจฉัยและการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

 

การรักษา “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่”

หากผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดท้องประจำเดือน เบื้องต้นแพทย์จะให้ทานยาเพื่อบรรเทาอาการ จากนั้นจะตรวจหารอยโรค เพื่อพิจารณาวิธีรักษาที่เหมาะสม และติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรักษาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น...

 

  • การรักษาด้วยฮอร์โมน : เป็นการใช้ยาคุมกำเนิดทั้งชนิดทานหรือฉีด และห่วงฮอร์โมนที่ใส่ในโพรงมดลูก เพื่อชะลอและยับยั้งการผลิตฮอร์โมนที่เป็นตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยฮอร์โมนจำเป็นต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ผลของยาที่ได้รับอาจไม่ได้ทำให้หายขาด ผู้ป่วยจึงสามารถกลับมาเป็นได้อีก เมื่อมีการหยุดใช้ยาฮอร์โมน

 

  • การรักษาด้วยการผ่าตัด : วิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องมีข้อบ่งชี้ คือ ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา วินิจฉัยแล้วว่าระยะของโรคมีความรุนแรง สงสัยว่าเกิดรอยโรคหรืออาจเป็นโรคเกี่ยวกับมะเร็ง มีภาวะแทรกซ้อนจากโรค หรือพบว่าเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก

ซึ่งการผ่าตัดมีทั้งการผ่าตัดแบบอนุรักษ์ คือ เก็บรักษารังไข่หรือมดลูกไว้ และการผ่าตัดแบบเอารังไข่และมดลูกออกทั้งหมด โดยตัวเลือกในการผ่าตัดทั้ง 2 แบบนี้ ขึ้นอยู่กับการวางแผนในการมีบุตรของผู้ป่วย โดยการผ่าตัดสามารถทำได้ทั้งแบบเปิดหน้าท้อง และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) ที่ทันสมัย ช่วยให้เกิดแผลเพียงเล็กๆ จึงเจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว

และแม้ว่าผู้ป่วยจะเคยได้รับการผ่าตัดรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มาแล้ว แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้

 


ข้อดีของการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery)

ในปัจจุบัน การผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นวิธีที่แพทย์มักเลือกใช้ เพราะส่งผลดีต่อผู้ป่วยมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิด เช่น

  1. แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
  2. ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในน้อยลง
  3. ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การเกิดภาวะแทรกซ้อน และการเกิดพังผืดหลังผ่าตัด
  4. ใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดไม่นานเพียง 24-48 ชั่วโมง
  5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลหลายวัน
  6. สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วกว่า

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดได้กับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีญาติสายตรงเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคมากขึ้น

 

ทั้งนี้ เราสามารถตรวจคัดกรองโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ เพราะในผู้ป่วยบางรายก็พบว่าไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่ก็มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และแม้ว่าภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่การปล่อยทิ้งไว้ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุผิวอีกด้วย

บทความโดย

แพทย์หญิงศิริพร ประยูรหงษ์

แพทย์ประจำสาขาสูตินรีเวช

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี

โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2201-2202
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn