ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เรื่องที่คู่รักต้องใส่ใจ
การแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่มั่นคงและยั่งยืน นอกจากการเตรียมตัวด้านพิธีการและการใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว "สุขภาพ" เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คู่รักควรให้ความสำคัญ การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานจึงเป็นขั้นตอนที่ช่วยสร้างความมั่นใจและป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งคู่ รวมถึงการวางแผนมีบุตรในอนาคต
การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานไม่เพียงช่วยให้คู่รักทราบถึงสุขภาพของกันและกัน แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตคู่และการมีบุตร

เรื่องดีๆ ของคู่ที่ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน
หลายคนอาจคิดว่าการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานไม่มีความจำเป็น แต่จริงๆ แล้วถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะได้สิ่งดีๆ และมีประโยชน์มากมาย เช่น
1. ป้องกันการส่งต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคทางพันธุกรรม
บางโรคอาจไม่มีอาการแสดงให้เห็นชัดเจน แต่อาจส่งต่อถึงคู่รักและบุตรได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส HIV และธาลัสซีเมีย หากพบความเสี่ยง คู่รักสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกันและรักษาได้ทันที
2. ตรวจสอบความพร้อมของร่างกายสำหรับการมีบุตร
สุขภาพของพ่อและแม่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของลูก หากพบว่ามีภาวะเสี่ยง เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือโรคเรื้อรังที่อาจกระทบต่อการตั้งครรภ์ จะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเตรียมตัวให้เหมาะสมก่อนเริ่มต้นครอบครัว
3. ลดความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อบุตร
โรคบางชนิดสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือโรคฮีโมฟีเลีย การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานช่วยให้คู่รักสามารถวางแผนครอบครัวได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อย
4. ป้องกันและเตรียมพร้อมสำหรับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์
การตรวจสุขภาพช่วยให้ทราบถึงภาวะที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น การติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน หรือภาวะเลือดไม่เข้ากันระหว่างแม่และลูก (Rh incompatibility) ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อทารกได้
5. สร้างความมั่นใจให้กับคู่รักและครอบครัว
การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพในอนาคต ทำให้ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ควรตรวจอะไรบ้าง...ก่อนแต่งงาน
- ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นโดยสูตินรีแพทย์ (Physical Examination by OB-GYN) :เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์และความพร้อมของร่างกายทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เช่น วัดความดันโลหิต ตรวจชีพจร และตรวจหาดัชนีมวลกาย (BMI)
- ความสมบูรณ์ของเลือด (CBC) : เพื่อตรวจดูว่ามีโรคบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ หากพบว่ามีความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
- ตรวจหมู่เลือด (ABO group) : ให้ทราบถึงกรุ๊ปเลือดของตนเอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องการเลือด จะได้จัดกรุ๊ปเลือดได้ทันท่วงที
- ตรวจหมู่เลือด (Rh Factor) : เพื่อดูชนิดเลือดของคุณแม่ ว่ามีค่า Rh Factor เป็น Rh+ หรือ Rh- เนื่องจากมีผลต่อความเสี่ยงในการแท้งลูกหรือมีปัญหาต่อลูกในครรภ์ และคุณแม่ได้
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Anti HBs / HBs Ag) : หากพบว่ามีเชื้อ แสดงว่าคุณสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทางเลือดและการมีเพศสัมพันธ์ได้ และอาจทำให้ลูกน้อยในครรภ์มีโอกาสติดเชื้อได้อีกด้วย ซึ่งหากพบการติดเชื้อก็สามารถรับวัคซีนชนิดต่างๆ เพื่อช่วยปกป้องคู่รักและลูกของคุณได้
- ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง (Hb Typing) : เป็นการตรวจหาความผิดปกติของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงที่เป็นสาเหตุของโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลกระทบถึงลูกได้ รวมถึงโรคที่รุนแรงที่อาจทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ และเป็นอันตรายกับมารดาได้หากไม่ทราบก่อน
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน (Rubella IgG) : เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากหากไม่มีภูมิคุ้มกัน และเกิดติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น หูหนวก ตาผิดปกติ การเจริญเติบโตและพัฒนาการผิดปกติ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนและคุมกำเนิดไว้อย่างน้อย 3 เดือน
- ตรวจหาเชื้อกามโรค VDRL (RPR) : หรือการตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ที่เป็นการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้ลูกในครรภ์มีกลุ่มอาการผิดปกติ หรือมีผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสเอดส์ (Anti HIV) : เป็นการตรวจภูมิคุ้มกันของร่างกายที่สร้างขึ้นมาเมื่อมีเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย หากพบเชื้อจะได้หาทางรักษาและป้องกันได้ทันท่วงที เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือการรับประทานยาป้องกันโรคชนิด PrEP เพื่อป้องกันคู่รักหรือลูกในครรภ์ได้ รวมถึงการวางแผนมีบุตรโดยวิธีที่เสี่ยงกับคู่น้อยที่สุด
นอกจากนี้การตรวจภายในเพิ่มเติมในฝ่ายหญิง เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อัลตร้าซาวด์มดลูก รังไข่ ช่องท้อง ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ก็มีส่วนช่วยในการวางแผนอนาคตสำหรับคู่รักที่ต้องการสร้างครอบครัวได้ ทั้งยังช่วยสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจสำหรับการมีลูกน้อยในวันข้างหน้าด้วย
บทความโดย
แพทย์หญิงลูกหวาย คู่ธีรวงศ์
แพทย์ประจำสาขาสูตินรีเวช
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสตรี
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2201-2202
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่