เชื่อว่าหลายคน ต้องเคยประสบกับเหตุการณ์ที่นั่งทำงานแบบยาวนานต่อเนื่องหลายชั่วโมงกันมาบ้างหรือบางคนก็เป็นบ่อยจนอาการปวดคอ ปวดบ่า ไหล่ตึง กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยไม่รู้เลยว่า! อาการที่เป็นนั้น หากปล่อยไว้จนเรื้อรังก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ให้พนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ ได้เลยทีเดียว เพราะนี่คืออาการเริ่มต้นของโรค “ออฟฟิศซินโดรม”
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) กับอาการที่หลากหลาย
อาการของออฟฟิศซินโดรม มักเกิดกับกล้ามเนื้อมัดเดิมที่มีการใช้งานในรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ นานๆ เป็นประจำ หากไม่รีบรักษาให้หายดีอาจกลายเป็นภาวะเรื้อรัง ถึงตอนนั้นการรักษาก็จะยากขึ้นและใช้เวลานานขึ้น และอาจไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ในสภาพเต็มร้อยเหมือนเดิม โดยกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อย มีดังนี้
- อาการปวดศีรษะ มีหลายรูปแบบ บางรายปวดขมับ บางรายปวดบริเวณด้านหลังถึงท้ายทอย ปวดหน้าผาก ปวดระหว่างคิ้ว หรือปวดแบบไมเกรน เนื่องจากการใช้สายตามากเกินไป และมีความเครียดสะสม รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ
- อาการปวดเมื่อยบริเวณคอ กล้ามเนื้อช่วงหลังไปถึงบริเวณก้น เกิดจากการนั่งในท่าเดิมนานเกินไป หากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังได้
- อาการเหน็บชาตามแขน ขา เกิดจากการอยู่ในอิริยาบถเดียวนานๆ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี
- อาการเจ็บ ชา ตึงตามร่างกาย เป็นกลุ่มอาการที่สืบเนื่องมาจากอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา ทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือเส้นประสาทอักเสบ บางรายที่เป็นหนักจะมีอาการเหน็บชาหรือนิ้วล็อกร่วมด้วย
การรักษาอาการ Office Syndrome
การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมมีหลายรูปแบบ ทั้งนี้ผู้ป่วยจะได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายจากแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียด เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ เพราะอาการของแต่ละคนเกิดได้จากหลายปัจจัยและมีความแตกต่างกันในรายละเอียด จึงต้องเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับสาเหตุและอาการที่เป็น เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น
- การทานยา : เป็นการรักษาที่เห็นผลไว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการในช่วงแรก ควรทำร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะหากไม่แก้ที่สาเหตุ อาการนั้นๆ ก็มักกลับมาเป็นอีกหลังจากหยุดยา
- การทำกายภาพบำบัด : เป็นการรักษาที่มุ่งเน้นไปยังจุดที่เกิดอาการ และเป็นการแก้ที่สาเหตุอย่างตรงจุด การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจะให้ผลการรักษาที่ดีมาก
- การนวดเฉพาะที่บริเวณจุดปวด : วิธีนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดี แต่ควรอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เพราะโรคบางชนิดหรือผู้ป่วยบางรายอาจมีข้อห้ามในการนวด
- การฝังเข็ม : เป็นการฝังเข็มเฉพาะจุดที่ปวด (Dry needling) เจาะจงไปยังจุดที่เป็นสาเหตุของอาการปวด เหมาะสำหรับอาการกล้ามเนื้อยึดตึงสะสม เห็นผลเร็วและช่วยลดเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการกินยาแก้ปวดเป็นเวลานานๆ ได้
- การยืดกล้ามเนื้อในท่าต่างๆ : วิธีนี้ ผู้มีที่อาการในช่วงเริ่มแรกสามารถทำได้บ่อยๆ เมื่อรู้สึกปวดเมื่อย เพราะจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ไม่ให้การอักเสบลุกลามจนเรื้อรังได้
ทั้งนี้ทุกวิธีการรักษาควรอยู่ในการพิจารณาและการดูแลของแพทย์เฉพาะทาง และเพื่อประสิทธิภาพและผลการรักษาที่ดี ผู้ป่วยจะต้องปรับพฤติกรรมการใช้ร่างกายตามคำแนะนำ รวมถึงมีความสม่ำเสมอในการเข้ารับการรักษา ซึ่งในบางกรณีต้องใช้ระยะเวลาและความต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ขอบคุณบทความดีๆ จาก
พญ. ปวีณา วิมลวัตรเวที
แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู