เมื่อตอนยังเป็นสาวหลายคนก็ยังพอเข้าใจว่าเราต้องรับการตรวจภายใน อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันหากเกิดอาการผิดปกติจะได้รักษาได้ทัน แต่หากอายุมากแล้วล่ะยังจำเป็นอยู่มั้ย มาดูคำตอบกัน

เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการตรวจภายใน

- ปกติแล้วหากเป็นผู้หญิงโสดอายุ 21 ปีขึ้นไป หรืออย่างน้อยอายุ 30 ปีขึ้นไปก็ควรเข้ารับการตรวจภายในยิ่งมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็ยิ่งควรตรวจหรือแม้ว่าจะไม่มีแฟนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ควรตรวจเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงอายุ 30 ปีก็เริ่มมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว

- หากเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วหรือเคยมีเพศสัมพันธ์ก็ควรได้รับการตรวจภายในเป็นปกติประจำทุกปี เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือไม่จากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นได้ตั้งแต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ท้องนอกมดลูกรังไข่มีอาการผิดปกติ ฯลฯ พร้อมยังสามารถทราบด้วยว่าเราเป็นผู้มีบุตรยากด้วยหรือไม่เช่นกัน

- หากเป็นเด็กผู้หญิงอายุน้อยแม้แต่วัยอนุบาลหรือประถมแต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาวผิดปกติมีมูกเลือกมีเลือดออกมีกลิ่น ที่ช่องคลอดมีอาการปวดท้องน้อยก็สามารถตรวจได้เช่นกัน แต่สำหรับเด็กเล็กๆก็จะมีเครื่องมือชิ้นเล็กสำหรับตรวจโดยเฉพาะ

- หากอายุตั้งแต่ 30-69 ปีแม้จะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่มีเพศสัมพันธ์แล้วก็ตาม การตรวจภายในจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคในผู้หญิงได้ซึ่งหากพบก่อนในระยะเริ่มต้นก็สามารถรักษาให้หายได้ทัน

- หากอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปหากผลการตรวจภายในเป็นปกติภายใน 3 ครั้งหรือ 3 ปีก็สามารถเว้นการตรวจเป็นทุกๆ 2-3 ปีได้แต่ถ้ามีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือโรคอื่นๆก็สามารถตรวจได้ทุกปี

การตรวจภายใน = การตรวจสุขภาพประจำปี

เพราะการตรวจภายในก็คือส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำทุกปีสำหรับผู้หญิงเป็นการตรวจหาการติดเชื้อในช่องคลอดตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การตรวจแปปสเมียร์หาสาเหตุของภาวะผิดปกติจากภายในปกติแล้วควรตรวจเป็นประจำตั้งแต่อายุ 21 ปีขึ้นไปซึ่งใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีด้วยซ้ำในการตรวจมีตั้งแต่การใช้เครื่องมือและการใช้มือคล้ำหน้าท้องและใช้นิ้วสอดเข้าไปทางอวัยวะเพศเพื่อตรวจหาความผิดปกติและเป็นการตรวจที่ไม่ได้มีผลข้างเคียงใดๆจึงสามารถตรวจหาได้เป็นประจำแม้ว่าจะอายุมากขึ้นก็ตาม

สอบถามรายละเอียด

ศูนย์สุขภาพสตรี อาคาร 1 ชั้น 2
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร.02-514-4141 ต่อ 1203-1204