การตรวจและการวินิจฉัยภาวะหย่อยสมรรถภาพทางเพศ ทำได้อย่างไร
เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แพทย์ก็จะทำการตรวจและวินิจฉัย ดังนี้
1. แพทย์จะทำการซักประวัติ เรื่องลักษณะการแข็งตัว ความต้องการทางเพศ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการเจ็บป่วย การผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่ เป็นประจำ

2. ตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และอาจจะทำการตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย

การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ
1. แพทย์อาจจะตรวจเลือดเพื่อดูโรคประจำตัว เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยบางรายที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
2. การตรวจหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยจะเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่น ๆ

รักษาได้ ลดความกังวลใจ เมื่อนกเขาไม่ขัน
โดยการรักษาจะแบ่งออกเป็นกลุ่มการรักษา ดังนี้
➮ ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว แพทย์ก็จะเริ่มต้นการรักษาโดยที่ต้องรักษาโรคประจำตัวก่อน เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนยาบางตัวที่มีผลต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่ถ้าหากในกรณีที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางภาวะจิตใจ ก็จะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้าพบจิตแพทย์ก่อน
➮ ในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย จะให้การรักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน

วิธีการรักษา
1. การรักษาโดยการใช้ยา โดยจะเป็นการใช้ยาในกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น Viagra, Levitra, Cialis ซึ่งจะต้องรับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง โดยยาในกลุ่มนี้จะไม่สามารถใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม Nitrate ได้และยาในกลุ่มนี้จะมีผลข้างเคียงได้ เช่น ใจสั่น ปวดศรีษะ เห็นแสงวูบวาบ คัดจมูก เป็นต้น

2. การใช้กระบอกสุญญากาศ (Vacuum device) จะเป็นการการใช้กระบอกสุญญากาศครอบไปที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นก็จะทำการสูบอากาศออกจากท่อ ทำให้เลือดเข้าไปในอวัยวะเพศ จนทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดี หลังจากนั้นก็จะใช้ยางรัดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออก

3. การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ (Shockwave therapy) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำกระแทกไปในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีและทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการฟื้นฟูและรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โดยวิธีการคือ ใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบแรงกระแทกจากภายนอกไปบนอวัยวะเพศ ให้ได้รับการรักษา 1 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ซึ่งพบว่าสามารถช่วยให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่ มักจะใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ เช่น ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการทานยาเพื่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ แล้วไม่ต้องการทานยาประจำ ซึ่งในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้พบว่าไม่มีอาการปวดขณะที่ทำ และไม่พบผลข้างเคียงในระหว่างและหลังการรักษาอีกด้วย

4. การรักษาโดยการใช้ยาฉีด เป็นการใช้ยาฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ 5-10 นาที มีประสิทธิภาพประมาณ 70 % เป็นกลุ่มยาพวก prostaglandin E1 ซึ่งสามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่วิธีการใช้จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีต่าง ๆภายหลังจากที่ไม่ได้ผลด้วยการรักษาง่าย ๆ จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจด้วยวิธีพิเศษขึ้น ซึ่งในผู้ป่วยที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่จำเป็นว่าจะต้องได้รับการรักษาทุกราย ถ้าหากผู้ป่วยและคู่รักไม่รู้สึกกังวลใจที่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่หากผู้ป่วยที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศและมีข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ควรที่จะได้รับการตรวจเช็กสุขภาพ

🔹 บทความสุขภาพ🔹
➮ การให้ฮอร์โมนทดแทน
➮ สัญญาณเตือนภาวะฮอร์โมนผิดปกติ
➮ โรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าร้อน
➮ โรคกระดูกพรุน

 

สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
คลินิก Health Care Paolo Kaset
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : health care Paolo Kaset