ใช้กล้ามเนื้อด้านขวาซ้ำๆ ออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ รู้ไหม? กล้ามเนื้ออาจไม่สมดุลกันอยู่
โรงพยาบาลเปาโล
16-พ.ค.-2566

คุณคิดว่า “ความสมดุล” สำคัญยังไง? ถ้ายังนึกไม่ออก...ลองคิดภาพว่า ถ้าเราปั่นจักรยานโดยใช้มือข้างเดียว จริงอยู่ที่เราสามารถปั่นแบบนี้ได้ตลอดทางแม้คอจักรยานจะส่ายไปมา แต่เราไม่สามารถการันตีได้เลยว่า ถ้าต้องเจอกับเนินสูงๆ เราจะปั่นผ่านไปได้โดยไม่เสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่ง “กล้ามเนื้อ” ของมนุษย์เราก็เช่นกัน คุณอาจยังคงใช้งานได้(เหมือน)ปกติทั้งที่ไม่สมดุล แต่หากปล่อยไว้ ก็จะมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ และถ้าพฤติกรรมเหล่านี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่ เราอยากให้คุณสำรวจตัวเองดูหน่อย...ว่ากล้ามเนื้อไม่สมดุลกันอยู่หรือเปล่า

 

ถนัดขวา...ก็ใช้งานแต่กล้ามเนื้อด้านขวา นี่ล่ะ! จุดเริ่มต้นของกล้ามเนื้อไม่สมดุล Muscle Imbalance

ในเมื่อเป็นคนถนัดขวา แน่นอนว่า ก็มักจะกินข้าวด้วยมือขวา เล่นโทรศัพท์ด้วยมือขวา หรือยกของด้วยมือขวา ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยมองว่านี่คือพฤติกรรมที่ทำร้ายกล้ามเนื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้แต่กล้ามเนื้อข้างที่เราถนัด เพราะเข้าใจว่าเป็นข้างที่แข็งแรงกว่า สะดวกต่อการใช้งานมากกว่า จะส่งผลให้กล้ามเนื้อด้านที่ถูกใช้งานมากกว่าเกิดการเกร็ง หดตัว กลับกัน...ด้านที่ไม่ถูกใช้งานก็จะค่อยๆ อ่อนแอลงและยืดหย่อนยาน เกิดความไม่สมดุลที่เรียกว่า Body Muscular Imbalance หรือกล้ามเนื้อด้านซ้ายและขวาไม่สมดุล หรือไม่เท่ากัน

 

ไม่เพียงแค่นั้น ความไม่สมดุลกันของกล้ามเนื้อซ้ายและขวา ยังส่งผลให้เกิด Joint Muscular Imbalance หรือการที่ตำแหน่งของข้อต่อเปลี่ยนไปจากปกติ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ และส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เช่น อาการบาดเจ็บเรื้อรัง ปวดเมื่อยไม่หาย หรือสมรรถภาพร่างกายไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ 

 

ออกกำลังกายแบบเดิม...ในท่าเดิม รู้ไหมว่าส่งผลต่อกล้ามเนื้อไม่สมดุลได้เหมือนกัน

เพราะอยากสร้างความสวยงามให้กับกล้ามเนื้อ สายเวทเทรนนิ่งหลายคนเลยมักเน้นการยกเวทในท่าเดิมๆ ระนาบเดียวซ้ำๆ จนทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ถูกใช้งานหนัก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ในขณะที่กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ค่อยถูกใช้งาน...ก็จะไม่ถูกพัฒนา รวมไปถึงการออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้ข้างที่ถนัดออกแรงยกบาร์เบลมากกว่าข้างที่ไม่ถนัด ก็จะสามารถทำให้เกิดกล้ามเนื้อไม่สมดุล และส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพตามมาได้ 

 

ปวดหลังเพราะนั่งนาน อาการออฟฟิศซินโดรมที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หาย อาจเพราะกล้ามเนื้อไม่สมดุล

กล้ามเนื้อสะโพก หรือ Hip Flexor เป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ในการพับข้อสะโพก หรือพับขาเข้าหาลำตัว การนั่งนานๆ ทำให้ข้อสะโพกต้องอยู่ในลักษณะงอติดต่อหันหลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดการหดตึงของกล้ามเนื้อและเกิดแรงดึงบริเวณกระดูกสันหลังส่วนล่าง ในขณะที่กล้ามเนื้อก้นด้านตรงข้ามอ่อนแอลง กลายเป็นความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อหน้าและหลัง ที่ทำให้มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง...ที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายซักที

 

การนั่งนานๆ ไม่เพียงทำให้เราปวดหลังระหว่างวัน แต่ยังทำให้มีอาการปวดหลังเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าได้อีกด้วย นั่นเพราะกล้ามเนื้อ Hip Flexor ที่หดตัวและตึง ส่งผลให้เวลานอนหงาย...บริเวณขาพับจะงอไม่แนบกับที่นอน เหมือนนอนอยู่ในท่าหลังแอ่นตลอดทั้งคืน จึงทำให้มีอาการปวดหลังได้

 

อ่านมาถึงตรงนี้! หลายคนคงเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า “ความสมดุลของกล้ามเนื้อ” นั้น สำคัญมากแค่ไหน การตรวจ Muscle Check จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้รู้ถึงความสมดุลของกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ทั้งในด้านความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความทนทาน เพื่อช่วยในการวางแผนปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์...ให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้ดีขึ้นในทุกๆ ด้านอีกครั้ง