เมื่อฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง หลายคนอาจไม่ทราบว่าสถานการณ์แบบนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคได้ นอกจากความไม่สบายจากความเปียกชื้นแล้ว ยังมีโรคที่แฝงตัวในสภาพแวดล้อมที่ชื้น แฉะเหล่านี้ด้วย มาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้างที่ควรระวัง
1. โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่ (Common Cold, Influenza) โรคเหล่านี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่กระจายในอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศชื้นหรืออุณหภูมิลดลง ทำให้เชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดี
อาการ ไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ คัดจมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
การป้องกัน
➮ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น
➮ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
➮ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกทันที
➮ ล้างมือบ่อย ๆ
➮ ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
➮ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
2. โรคระบบทางเดินอาหาร
เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค บิด (Diarrhea, Food Poisoning, Cholera, Dysentery) โรคนี้เกิดจากการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในช่วงน้ำท่วม จากการขนส่งอาหารและน้ำสะอาด
อาการ ถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ในบางกรณีอาจเกิดการขาดน้ำอย่างรุนแรง
การป้องกัน
➮ ทานอาหารปรุงสุกใหม่ที่สะอาด
➮ ดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้ม
➮ ล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ
3. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปัสสาวะของสัตว์ โดยเฉพาะหนู เมื่อสัมผัสกับน้ำที่ปนเปื้อนอาจทำให้ติดเชื้อได้
อาการ ไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่องและต้นขา ตาแดง ตัวเหลือง ในกรณีที่รุนแรงอาจเกิดภาวะไตวายหรือตับวาย
การป้องกัน
➮ หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือโคลน
➮ ล้างเท้าหรือส่วนที่สัมผัสน้ำสกปรกด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที
4. โรคน้ำกัดเท้า (Athlete's Foot)
สภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะจากการเดินลุยน้ำท่วมนาน ๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อราในผิวหนัง
อาการ เท้าเปื่อย คัน ผิวหนังลอก ผื่นพุพอง หากไม่รักษาอาจเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น
การป้องกัน
➮ สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้าที่เหมาะสมเมื่อเดินลุยน้ำ
➮ ล้างเท้าและเช็ดให้แห้งทันทีหลังจากสัมผัสน้ำสกปรก
➮ ทาแป้งหรือครีมกันเชื้อราในบริเวณที่มีความชื้นบ่อย
5. โรคตาแดง (Conjunctivitis)
โรคตาแดงสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสน้ำสกปรกที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส เช่น การล้างหน้าด้วยน้ำที่ไม่สะอาดหรือสัมผัสกับมือที่ไม่สะอาด
อาการ ตาแดง ระคายเคือง น้ำตาไหล หนังตาบวม อาจมีหนองหรือขี้ตา
การป้องกัน
➮ ล้างตาด้วยน้ำสะอาด
➮ หลีกเลี่ยงการขยี้ตาด้วยมือที่ไม่สะอาด
➮ แยกตัวจากผู้ที่เป็นโรคตาแดง
➮ หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
6. ไข้เดงกีและไข้เลือดออก (Dengue Fever)
โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกีซึ่งแพร่เชื้อโดยยุงลายที่เจริญเติบโตในน้ำขัง ยุงชนิดนี้จะกัดในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในที่ร่มและอับชื้น เช่น ใต้โต๊ะ ใต้เตียง
อาการ ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เลือดออกตามไรฟันหรือผิวหนัง ในบางกรณีที่รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อก
การป้องกัน
➮ ปิดหน้าต่างและประตูให้มิดชิด โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน
➮ ติดตั้งมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน
➮ ทายากันยุงหรือสเปรย์กันยุงในบริเวณที่ยุงชุกชุม
➮ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ปิดฝาภาชนะใส่น้ำ เปลี่ยนน้ำในแจกันหรือภาชนะที่มีน้ำขังทุกสัปดาห์
➮ ใช้ยากันยุงหรือเครื่องดักยุงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
➮ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
7. อุบัติเหตุและสัตว์มีพิษกัดต่อย (Accidents and Venomous Bites)
น้ำท่วมขังไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคเท่านั้น ยังเป็นแหล่งที่สัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ และแมงป่องหนีน้ำมาหลบซ่อนในบ้านหรือบริเวณที่อยู่อาศัย
อาการ หากถูกกัดหรือต่อยอาจเกิดอาการปวด บวม หรือในบางกรณีรุนแรงอาจเกิดอาการแพ้อย่างเฉียบพลัน
การป้องกัน
➮ ตรวจสอบและทำความสะอาดบริเวณบ้าน
➮ ถอดปลั๊กไฟและสับคัตเอาต์ก่อนที่น้ำจะท่วมถึง
➮ หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในบริเวณน้ำท่วมขัง
โดยสรุป ฝนตกหนักและน้ำท่วมขังอาจนำพาโรคและอุบัติเหตุที่เราไม่ควรมองข้าม การดูแลสุขภาพในช่วงน้ำท่วมและรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเตรียมตัวและป้องกันอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล เกษตร โทร. 02 1500 900 ต่อ 5113
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset