ระหว่างตรวจแมมโมแกรมกับอัลตร้าซาวด์เต้านม ตรวจแบบไหนดีกว่ากัน!
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
21-ก.ย.-2566

ระหว่างตรวจแมมโมแกรมกับอัลตร้าซาวด์เต้านม ตรวจแบบไหนดีกว่ากัน!

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ การคลำเต้านมโดยแพทย์ การตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม และการอัลตร้าซาวด์เต้านม แต่ทว่าทั้ง 3 วิธีก็มีขั้นตอนและวิธีในการตรวจที่แตกต่างกันไป แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการตรวจแบบไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุด?

 

ไขข้อข้องใจ! ตรวจแมมโมแกรมกับอัลตร้าซาวด์เต้านม ต่างกันอย่างไร?

แม้การตรวจทั้งสองวิธีนี้ จะเป็นการตรวจเต้านมเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างเล็กๆ ที่ช่วยบ่งบอกถึงจุดเด่นของแต่ละวิธี ซึ่งจำแนกออกได้ดังนี้

 

หลักการทำงานของเครื่องดิจิทัลแมมโมแกรมและอัลตร้้าซาวด์เต้านม



การตรวจแมมโมแกรม : เป็นการตรวจโดยใช้รังสีชนิดหนึ่ง คล้ายกับการตรวจด้วยเอกซเรย์ แต่ปริมาณรังสีที่ใช้จะน้อยกว่าการเอกซเรย์ทั่วไป ทำให้สามารถมองเห็นความหนาแน่นของเนื้อเต้านม การกระจายของเนื้อเต้านมที่ผิดปกติ หรือตรวจพบจุดหินปูนในเต้านมได้ ซึ่งการตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมจะช่วยให้พบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ทั้งยังช่วยระบุตำแหน่งความผิดปกติของเต้านมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว



การตรวจอัลตร้าซาวด์ : เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นความถี่เสียงสูง สแกนเข้าไปในเนื้อเต้านม คลื่นเสียงจะเข้าไปตกกระทบกับเนื้อเยื่อภายในเต้านมและสะท้อนกลับมาที่เครื่องรับทรานสดิวเซอร์ (transducer) ทำให้สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อเต้านมกับก้อนในเต้านมได้ และหากพบก้อนเนื้อในเต้านมยังสามารถบอกได้ว่าก้อนนั้นมีส่วนประกอบเป็นน้ำหรือเป็นก้อนเนื้อ

ทว่าการอัลตร้าซาวด์ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่ไม่สามารถตรวจหาหินปูนขนาดเล็กได้เหมือนการตรวจด้วยเครื่องแมมโมแกรม ดังนั้นหากต้องการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยการอัลตร้าซาวด์จึงต้องทำร่วมกับการตรวจแมมโมแกรม จึงจะเห็นผลดีที่สุด

 

ขั้นตอนการตรวจดิจิทัลแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม

ตรวจแมมโมแกรม :

  1. แพทย์จัดท่าทางให้ผู้ป่วยยืนหันหน้าเข้าเครื่องแมมโมแกรม
  2. เมื่อท่าทางถูกต้องแล้ว ผู้ป่วยวางเต้านมข้างที่ต้องการตรวจลงบนฐาน
  3. เครื่องจะค่อยๆ บีบเต้านมเข้าหากัน แล้วจึงทำการถ่ายรูปจากด้านบนและด้านข้าง จนได้ภาพเอกซเรย์ออกมา

อัลตร้าซาวด์เต้านม :

  1. แพทย์จะทาเจลลงบนเต้านม
  2. แพทย์ใช้หัวตรวจทรานสดิวเซอร์ (transducer) วางแนบลงบนเต้านมและเคลื่อนที่ไปรอบๆ เพื่อส่งและรับคลื่นเสียงความถี่สูง
  3. ภาพสะท้อนที่ได้จะแสดงขึ้นจอมอนิเตอร์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยต่อไป

 


การตรวจดิจิทัลแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม…ตรวจแบบไหนเหมาะกับใครมากกว่า?

การตรวจแมมโมแกรม : จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเต้านมจะมีความหนาแน่นลดลง ทำให้เวลาตรวจสามารถเห็นรายละเอียดเต้านมได้ชัดเจน จึงทำให้พบจุดหินปูนขนาดเล็กที่อาจเป็นต้นเหตุของมะเร็งเต้านมได้

อัลตร้าซาวด์ : เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี เนื่องจากเนื้อเต้านมยังมีความหนาแน่นอยู่ ทำให้การอัลตร้าซาวด์เต้านมสามารถเห็นก้อนความผิดปกติในเนื้อเยื่อเต้านมได้ดีกว่า

 

การเตรียมตัวก่อนตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม

  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนตรวจ
  • ถอดเครื่องประดับที่หูหรือคอออกก่อนตรวจ
  • งดทาโลชั่น แป้งฝุ่น ยา หรือสเปรย์ต่างๆ บริเวณเต้านมและรักแร้ เพราะจะทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อน
  • สวมชุดที่สะดวกต่อการเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับการตรวจ
  • ควรตรวจในช่วงหลังประจำเดือนหมดไปแล้ว 7-14 วัน ป้องกันไม่ให้เจ็บหรือคัดเต้านมขณะตรวจ
  • หากมีการเสริมหน้าอกมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบก่อนตรวจ
  • หากมีผลตรวจเต้านมในครั้งก่อนๆ ควรนำผลตรวจเดิมมาด้วย เพื่อให้แพทย์สามารถเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

 

แม้การตรวจแมมโมแกรมหรืออัลตร้าซาวด์จะมีความแม่นยำสูง แต่ในการตรวจแต่ละชนิดก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น

  • การอัลตร้าซาวด์ช่วยให้เห็นส่วนประกอบของเต้านมได้ดี แต่ไม่สามารถมองเห็นหินปูนเล็กๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งได้ชัดเจนเทียบเท่าการตรวจด้วยแมมโมแกรม
  • การตรวจแมมโมแกรมในกรณีที่พบก้อนเนื้อก็ไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นก้อนเนื้อหรือก้อนถุงน้ำในเต้านม
  • ในบางกรณี ขณะตรวจแมมโมแกรมอาจหนีบไม่ถึงก้อนเนื้อที่ผิดปกติ เนื่องจากก้อนเนื้อบางชิ้นจะอยู่ด้านในเข้าไปลึกมาก ทำให้ภาพที่ออกมามองดูเผินๆ แล้วไม่พบความผิดปกติ

 


ฉะนั้นในการตรวจคัดกรองเต้านม ควรทำการตรวจร่วมกันระหว่างแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ พร้อมเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์เป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจพบมะเร็งได้ดีที่สุด เพราะหากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่แรกเริ่ม โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดก็ยิ่งมีมากขึ้น ทั้งยังเพิ่มทางเลือกการรักษาได้มากขึ้นด้วย

บทความโดย
แพทย์หญิงศศพินทุ์ วงษ์โกวิท
แพทย์ประจำสาขาศัลยกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ



สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

แผนก ศัลยกรรมทั่วไป อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2145-2146

รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn