-
"ไวรัสตับอักเสบ" ตัวร้าย ทำลายตับ
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
27-มิ.ย.-2568

ไวรัสตับอักเสบ ตัวร้ายทำลายตับ รู้ทัน ป้องกัน ก่อนสายเกินไป  

ไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเข้าสู่ตับ แม้จะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ โดยสามารถติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น การกินอาหารหรือน้ำปนเปื้อน การสัมผัสสิ่งปนเปื้อน หรือการมีเพศสัมพันธ์ ไวรัสตับอักเสบที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทยคือ ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะและอันตรายที่แตกต่างกัน  





ไวรัสตับอักเสบเอ ชนิดเฉียบพลันที่หายได้เอง  

ไวรัสตับอักเสบเอ เป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดเฉียบพลันที่โดยส่วนใหญ่สามารถหายได้เองในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง และเมื่อหายแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันถาวร ทำให้ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก และไม่เป็นโรคเรื้อรัง  

• การติดต่อ ส่วนใหญ่มาจากการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงการสัมผัสกับอุจจาระของผู้ติดเชื้อ   

• อาการ มักพบอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ และอาเจียน 

• การป้องกัน สามารถป้องกันได้ด้วย การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ  


ไวรัสตับอักเสบบี ภัยเงียบเสี่ยงตับแข็ง และมะเร็งตับ   

ไวรัสตับอักเสบบี เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทารกแรกเกิดควรได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีทันทีหลังคลอด ไวรัสชนิดนี้ในบางรายอาจหายเองได้ แต่บางส่วนจะกลายเป็น ตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่ภาวะ ตับแข็ง และ มะเร็งตับ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม  

• การติดต่อ ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสเลือดของผู้ติดเชื้อโดยตรง 

• อาการ ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด จุกแน่นใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะเข้มผิดปกติ และตาเหลือง  

• การป้องกัน การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด  


ไวรัสตับอักเสบ หากเรื้อรัง อันตรายถึงชีวิต 

ไวรัสตับอักเสบซี หากเป็นการติดเชื้อระยะสั้น มักจะเกิดขึ้นประมาณ 6 เดือน และเป็นการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน แต่ในผู้ป่วยหลายรายจะกลายเป็นการติดเชื้อชนิดเรื้อรัง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีโอกาสสูงที่จะเป็น โรคตับแข็ง มะเร็งตับ และอันตรายถึงชีวิตได้  

• การติดต่อ ส่วนใหญ่มาจากการรับเลือด หรือการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น เข็มฉีดยา มีดโกน แปรงสีฟัน  

• อาการ ผู้ป่วยอาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน ปัสสาวะเข้ม อุจจาระสีซีด ปวดตามข้อ-ตัว และตาเหลือง 

• การป้องกัน เน้นการลดความเสี่ยงจากการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้อื่น  


หากคุณมีอาการดังกล่าว
หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรมาพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง ก่อนที่ไวรัสตับอักเสบจะทำลายตับจนสายเกินไป 







สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนก อายุรกรรมระบบทางเดินอาหารและตับ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2420-2421
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดี ๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn