โรคติดเชื้อไวรัส แบคทีเรียในเด็ก ต้อนรับช่วงเปิดเทอม

โรคติดเชื้อในเด็ก ภัยใกล้ตัว ต้อนรับช่วงเปิดเทอมที่พ่อแม่ต้องระวัง 

        เมื่อ ลูกรักเปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่มักต้องเผชิญกับความกังวลเรื่อง โรคติดเชื้อ ที่ เด็กๆ มักนำกลับมาจากโรงเรียน ช่วงเปิดเทอม เป็นเวลาที่ เด็กๆ มีโอกาสสัมผัสกับ เชื้อโรค มากขึ้น เนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รวมกลุ่มกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จัก โรคยอดฮิต ที่มักพบในช่วง เปิดเทอม พร้อมวิธีสังเกต อาการ และแนวทาง ป้องกัน เพื่อปกป้อง สุขภาพ ของ ลูกน้อย 

โรคติดเชื้อยอดฮิตช่วงเปิดเทอม 

1. โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot and Mouth Disease) 

โรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อ ไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) เช่น คอกซากีไวรัส เอ 16 (Coxsackievirus A16) และ เอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) หรือ EV71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย โรคนี้ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัส น้ำมูก, น้ำลาย, อุจจาระ ของผู้ป่วยโดยตรงหรือทางอ้อม เช่น ผ่าน ของเล่น, การสัมผัสด้วย มือ, น้ำ และ อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยจะพบมากใน เด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี 

  • อาการ: เริ่มด้วย ไข้ต่ำๆ, อ่อนเพลีย ประมาณ 1-2 วัน มี อาการเจ็บปาก, ไม่ยอมรับประทานอาหาร, น้ำลายไหล มากกว่าปกติ เพราะมี แผลในปาก คล้าย แผลร้อนใน มี ผื่น เป็นจุดแดงหรือ ตุ่มน้ำใส ขึ้นบริเวณ ฝ่ามือ, ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้น, แขน, ขา 

2. โรคติดเชื้อไอพีดี (Invasive Pneumococcal Disease - IPD) 

โรคติดเชื้อไอพีดี เป็นโรคติดเชื้อจาก แบคทีเรีย "นิวโมคอคคัส" (Streptococcus Pneumoniae) ชนิดรุนแรงและรุกราน ทำให้เกิด การติดเชื้อในกระแสเลือด, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ปอดอักเสบรุนแรง ไปจนถึงทำให้ พิการ และ เสียชีวิต ได้ โดยเฉพาะ เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เชื้อ นิวโมคอคคัส สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการ ไอ หรือ จาม 

  • อาการ: มี ไข้สูง, งอแง, ปวดหู ความรุนแรงของอาการ จะขึ้นกับอวัยวะที่ติดเชื้อ เช่น หาก การติดเชื้อในกระแสเลือด เด็ก จะมี ไข้สูง, ร้องกวน จนอาจเกิด อาการช็อก และ เสียชีวิต ได้ หากติดเชื้อทาง ระบบประสาท คือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็ก จะมี ไข้สูง, ซึม, อาเจียน, คอแข็ง ถ้ารักษาไม่ทันท่วงทีอาจ เสียชีวิต หรือติดเชื้อที่ ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ ปอดอักเสบ เด็ก มี ไข้, ไอ, หอบ ถ้ารุนแรงมากอาจเกิด ภาวะหายใจล้มเหลว ได้ 

3. โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) 

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นกลุ่ม โรคระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการติด เชื้อไวรัส “อินฟลูเอนซ่าไวรัส” (Influenza Virus) ที่อยู่ใน น้ำมูก, น้ำลาย หรือ ละอองเสมหะ ที่กระจายในอากาศจากการ ไอ หรือ จาม ของผู้ป่วย เด็กเล็ก และ เด็กวัยเรียน เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อน ของโรคได้ง่าย เช่น โรคปอดอักเสบ, โรคสมองอักเสบ 

  • อาการ: เมื่อ เด็ก สัมผัสหรือหายใจเอา เชื้อไวรัส เข้าไป ซึ่งมีระยะฟักตัวประมาณ 1-4 วัน จากนั้นจะทำให้มี ไข้สูง, ไอ, มีน้ำมูก, คัดจมูก, จาม, มี อาการปวดเมื่อยตามตัว, อ่อนเพลีย คล้าย ไข้หวัดธรรมดา แต่จะมี อาการ ที่รุนแรงกว่า หากมี อาการรุนแรง มากขึ้น เช่น ไข้สูงลอย, ซึม, หอบหายใจไม่สะดวก, รับประทานอาหารไม่ได้ หรือมี อาการชัก ควรรีบ พบแพทย์ ทันที 

4. โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever) 

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติด เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) ซึ่งมี ยุงลายเพศเมีย เป็น พาหะนำโรค พบการระบาดสูงในช่วง ฤดูฝน เพราะมีบริเวณ น้ำขัง ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ยุงลาย เมื่อ ยุงลาย ดูดเลือดจากผู้ป่วยที่มีเชื้อ เดงกี่ เข้าไป เชื้อไวรัสเดงกี่ ในยุงจะเพิ่มจำนวนและแพร่ไปสู่ต่อมน้ำลายของยุง พร้อมที่จะปล่อยเชื้อให้ผู้ที่ถูกกัดครั้งต่อไปได้ตลอดอายุของยุง (1-2 เดือน) 

  • อาการ: ส่วนใหญ่ เด็ก ที่เป็น โรคไข้เลือดออก มักแสดง อาการ หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 5-8 วัน โดยจะมี ไข้สูงลอย 38-40 องศาเซลเซียส นานประมาณ 2-7 วัน ตาและใบหน้า มักจะแดงกว่าปกติ เบื่ออาหาร และมี อาการซึม ในบางรายอาจมี ผื่นขึ้น หรือพบว่ามี จุดเลือดออก ตามลำตัว, แขน, ขา หากมี อาการอาเจียน หรือ ถ่ายเป็นเลือด แสดงถึงอันตราย และ เด็ก อาจมี ภาวะช็อก ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับ การรักษา อย่างทันท่วงที 

5. โรคอุจจาระร่วง (Diarrhea) 

โรคอุจจาระร่วง คือภาวะที่มี การถ่ายเหลวผิดปกติ ตั้งแต่ 3 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งสาเหตุเกิดจากการกิน อาหาร หรือดื่ม น้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค รวมถึงการจับ ของเล่น หรือสิ่งของสกปรกเข้าปาก 

  • อาการ: คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย บางรายอาจมี ไข้ ร่วมด้วยได้ 

6. โรคตาแดง (Conjunctivitis) 

โรคตาแดง เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัส เชื้อโรค โดยตรง สาเหตุเกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย หรือ เชื้อไวรัส ติดต่อได้โดยการสัมผัส น้ำตา และ ขี้ตา ของผู้ป่วย หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย รวมถึงการ ไอจาม ใส่กัน 

  • อาการ: เคืองตา, ตาบวม, ตาแดง, คันตา, มี น้ำตาไหล และมี ขี้ตา มากผิดปกติ 

ข้อควรระวังและคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง 

        ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังและสังเกต อาการของลูกหลาน อย่างใกล้ชิด หากมี อาการผิดปกติ หรือมี อาการ ใดที่บ่งชี้ว่าอาจเป็น โรคใดโรคหนึ่ง ควรรีบพาไป พบแพทย์ เพื่อ ตรวจวินิจฉัย และ รักษา โดยเร็วที่สุด การป้องกันที่ดีที่สุดคือการส่งเสริม สุขอนามัย ส่วนบุคคลและสิ่งแวดล้อมให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงการได้รับ วัคซีน ที่จำเป็นตามคำแนะนำของ แพทย์ 


บทความสุขภาพ
➮ โรคท้องร่วงในเด็ก DIARRHEA
➮ อาการท้องผูกในเด็ก
➮ โรคมือเท้าปาก
➮ พัฒนาการของเด็กตามช่วงวัย




สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์ตรวจสุขภาพเด็ก โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5121
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset