สุขภาพฟัน แต่ละช่วงวัย ต้องดูแลอย่างไร
สุขภาพภายในช่องปากและฟัน ในแต่ละช่วงอายุจะมีพัฒนาการ และความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน เพื่อคงประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหาร ความมั่นใจในการใช้ชีวิต การออกเสียงได้ชัดเจนเมื่อมีการสื่อสาร อีกทั้งป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุ ฟันแตกหัก รวมไปถึงปัญหาโรคเหงือกที่อาจตามมา การดูแลรักษาทำความสะอาดภายในช่องปากและฟันให้เหมาะสม เป็นประจำสม่ำเสมอทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
วัยเด็ก
ในช่วงวัยทารกที่ยังไม่มีฟันขึ้น ควรทำความสะอาดช่องปากด้วยผ้าก๊อซ หรือผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกเช็ดเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เมื่อฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น (อายุประมาณ 6 เดือน) สามารถใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม และยาสีฟันสำหรับเด็กที่มีฟลูออไรด์ 1,000 ppm ในแปรงฟัน และผ้าก๊อซ หรือผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกเช็ดเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เมื่อเด็กเริ่มรับประทานอาหาร ให้เลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อรับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารหวานเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดฟันผุ กรณีที่เด็กดื่มนมจากขวดนม ควรเลิกขวดเมื่ออายุประมาณ 1 ปี
วัยรุ่น
ในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่ฟันน้ำนมหลุดไปหมดแล้ว ฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน ซึ่งเป็นจุดที่ทำความสะอาดด้วยแปรงสีฟันได้ไม่ทั่วถึง เพื่อช่วยขจัดเศษอาหาร คราบจุลินทรีย์ และลดการสะสมของหินปูน พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล อาหารมีความแข็งหรือเหนียวมากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุ ฟันแตก ฟันสึก หากมีปัญหาการบดเคี้ยว การเรียงตัวของฟัน หรือการสบฟันที่ผิดปกติ สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัยและทำการรักษาต่อไป
วัยผู้ใหญ่
วัยทำงานการดูแลสุขภาพเหงือกและฟันยังคงต้องใส่ใจ ไม่แพ้วัยอื่นๆ เพราะปัญหาสุขภาพเหงือกและฟัน สามารถเกิดขึ้นได้ในวัยนี้ได้เช่นเดียวกัน การดูแลทำความสะอาด ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน หมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น ปวด เสียวฟัน เหงือกบวมอักเสบ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยทันที ก่อนนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน
วัยชรา
ในช่วงวัยนี้สามารถพบภาวะการสูญเสียฟันได้มาก เนื่องจากความแข็งแรงของเหงือกและฟันได้ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ในบางรายอาจมีการใส่ฟันปลอม เนื่องจากมีการถอนฟัน เพื่อช่วยเรื่องการบดเคี้ยวอาหารและความสวยงาม ดังนั้นการดูแลรักษาความสะอาดด้วยการแปรงฟัน โดยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ควรพิจารณาเลือกรับประทานอาหารที่สามารถบดเคี้ยวได้ง่าย และคงคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน หรือเมื่อมีปัญหาภายในช่องปากทันที
บทความโดย
ทพญ. ธิติมา อุดมชัย
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
แผนกทันตกรรม โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5145
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset