-
7 โรคหน้าร้อนยอดฮิต ที่เป็นพิษสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
10-เม.ย.-2566

7 โรคหน้าร้อนยอดฮิต ที่เป็นพิษสุขภาพ

อากาศที่ร้อนขึ้นในช่วงหน้าร้อน ไม่เพียงทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคบางอย่างได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะเชื้อโรคบางชนิดจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อน เราจึงควรระมัดระวังด้วยการรู้เท่าทันและหาทางป้องกันไว้ก่อน ซึ่งได้แก่

 

โรคฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด

เป็นโรคที่ร่างกายเกิดความร้อนสะสม โดยมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส มักเกิดในหน้าร้อน โดยอาการที่สังเกตได้ คือ รู้สึกเมื่อย ล้า อ่อนเพลีย ตัวร้อนมาก ปวดศีรษะ หน้ามืด จากนั้นอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนรูขุมขนปิด ทำให้เหงื่อไม่ออก ชีพจรเต้นเร็ว ใจสั่น จนถึงขั้นชักกระตุก เกร็ง และหมดสติได้

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นและถึงแก่ชีวิตได้ โดยความรุนแรงของโรคลมแดด (Heat Stroke) จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น โรคประจำตัวอย่างเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะขาดน้ำ โดยในกลุ่มที่ติดสุราเรื้อรังโรคก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคลมแดด ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ผ้าโปร่ง ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรือออกกำลังกายในสภาพอากาศที่ร้อนจัด และงดเครื่องดื่มแอลกฮอล์

 

โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีอยู่ในน้ำลายสัตว์ ผ่านการกัด ข่วน หรือถูกเลียบริเวณแผล หรือแม้แต่น้ำลายนั้นเข้าตา ปาก จมูก หลังการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก ประสาทหลอน หรืออัมพาต ที่สำคัญเมื่อมีอาการแล้วจะเสียชีวิตทุกราย

ดังนั้นหากถูกสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด หรือเป็นผู้สุ่มเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และควรนำสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อความปลอดภัยสำหรับคนในบ้านและสัตว์เลี้ยง

 

โรคอุจจาระร่วง หรือท้องเสีย

เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว พยาธิ หรือในบางรายอาจได้รับเชื้อโรคจากการใช้มือหยิบจับสิ่งของที่ปนเปื้อนแล้วนำเข้าปาก

อาการของโรคอุจจาระร่วงคือ การถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน หรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด 1 ครั้งขึ้นไปต่อวัน หากปล่อยไว้ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ทำให้อ่อนเพลีย อวัยวะต่างๆ เสียสมดุลการทำงาน และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาจนทำให้เกิดภาวะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้

 

อาหารเป็นพิษ

เป็นโรคในระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ หรืออาหารดิบ

โดยอาการจะมีหลายอย่าง เช่น มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้อง ท้องร่วง บางรายอาจถ่ายเหลวเป็นน้ำจนร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ หรือเกิดการติดเชื้อไปยังอวัยวะอื่นๆ หากเกิดในเด็กทารกหรือผู้สูงอายุอาจทำให้ภูมิต้านทานลดลงมากจนทำให้เสียชีวิตได้

 

อหิวาตกโรค

เป็นโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae) ปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก ส่งผลให้มีอาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำอย่างรุนแรง โดยไม่มีอาการปวดท้อง

หากปล่อยไว้ อาจก่อให้เกิดอาการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว จนทำให้หมดสติ ในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

โรคบิด

เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียหรืออะมีบา อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เมื่อเชื้อเข้าสู่กระเพาะอาหารจะผ่านเข้าสู่ลำไส้ จากนั้นผนังลำไส้จะเกิดอาการบวม อักเสบ ทำให้มีไข้ขึ้น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้องแบบปวดเบ่งที่ทวารหนักคล้ายถ่ายไม่สุด และถ่ายเป็นมูกปนเลือดบ่อยครั้ง

 

โรคไข้ไทฟอยด์ หรือโรคไข้รากสาดน้อย

เกิดจากการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่มีเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลล่า ไทฟี่ (Salmonella typhi) ซึ่งโรคไข้ไทฟอยด์จะทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูงลอย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร อาจท้องผูกหรือท้องเสียร่วมด้วย ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และแม้จะหายจากโรคแล้วก็ยังเป็นพาหะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

 


รู้เท่าทัน ป้องกันโรคได้

จะเห็นได้ว่า โรคที่มากับหน้าร้อนส่วนใหญ่ มักเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงและลดเสี่ยงโรคต่างๆ ในหน้าร้อน เราจึงควรทำดังนี้

  • เลือกกินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ไม่บูด หรือไม่นำวัตถุดิบที่เริ่มเสียมาปรุงอาหาร
  • งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังมื้ออาหาร รวมถึงหลังใช้ห้องน้ำ
  • ดื่มน้ำที่สะอาด เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดที่มีเครื่องหมาย อย. หรือน้ำต้มสุก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว โดยจิบบ่อยๆ ทั้งวัน
  • หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

 

นอกจากนี้ การตรวจเช็กสุขภาพประจำปีก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้รู้จักร่างกายของตนเองดีขึ้น จะได้ระมัดระวังโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากมีอาการใดๆ ที่ผิดสังเกต ก็ควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที เพราะโรคติดเชื้อหลายโรค ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว

บทความโดย
นายแพทย์ณัฏฐ์ บุญตะวัน
แพทย์ประจำสาขาอายุรกรรม
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ

 โรคปอดอักเสบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
 ตรวจประเมินสุขภาพก่อนร่างกายแสดงอาการ
 ทำไมเราถึงต้องตรวจสุขภาพทุกปี




สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนก อายุรกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2390-2393
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดี ๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn