-
ไขความเข้าใจผิดเรื่อง PM2.5 ที่หลายคนยังไม่รู้
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
22-ม.ค.-2568

ไขความเข้าใจผิดเรื่อง PM2.5 ที่หลายคนยังไม่รู้

ในยุคที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา "PM2.5" กลายเป็นคำที่หลายคนคุ้นเคย แต่รู้หรือไม่ว่าความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ PM2.5 อาจทำให้เราตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว ฝุ่นละอองขนาดจิ๋วนี้ไม่เพียงแต่มองไม่เห็น แต่ยังแฝงตัวอยู่ตามอากาศที่เรารับเข้าไป ดังนั้นการมีความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องสุขภาพของคุณได้




แหล่งที่มาของฝุ่น PM2.5

PM2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดขึ้นได้ จากทั้งกิจกรรมของมนุษย์และธรรมชาติ โดยแหล่งที่มาหลักของ PM2.5 ส่วนใหญ่ ได้แก่

  • การจราจร : ควันไอเสียจากรถยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล
  • โรงงานอุตสาหกรรม : กระบวนการผลิตที่ปล่อยมลพิษ
  • การเผาไหม้ : การเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร หรือไฟป่า
  • กิจกรรมในบ้าน : เช่น การประกอบอาหารด้วยเตาแก๊ส หรือการใช้สเปรย์
  • มลพิษข้ามพรมแดน : ฝุ่นที่ถูกพัดพาจากประเทศเพื่อนบ้าน

 

5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PM2.5 ที่อาจทำให้คุณเสี่ยงสุขภาพโดยไม่รู้ตัว!
1. ความเข้าใจผิด : PM2.5 มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ในความเป็นจริง ฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือเล็กกว่าขนาดเส้นผมของมนุษย์ประมาณ 20-30 เท่า ทำให้อากาศที่เราเห็นว่าดูไม่มีอะไร ก็อาจมี PM2.5 ในระดับอันตรายได้

 

2. ความเข้าใจผิด : หน้ากากอนามัยทั่วไปป้องกัน PM2.5 ได้

หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา (Surgical Mask) ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันละอองน้ำลายและเชื้อโรค แต่ไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้ ฝุ่นขนาดจิ๋วนี้สามารถผ่านช่องว่างของหน้ากากทั่วไปได้ ดังนั้น หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรม ควรใช้หน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่มีมาตรฐาน PM2.5 โดยต้องสวมใส่ให้แน่นพอดีกับใบหน้า

 

3. ความเข้าใจผิด : เพียงแค่อยู่ในบ้านก็ปลอดภัยจาก PM2.5

แม้ว่าการอยู่ในบ้านจะช่วยลดการสัมผัส PM2.5 ได้บ้าง แต่อย่างที่รู้กันว่าฝุ่น PM2.5 มีขนาดที่เล็กมาก จึงสามารถเล็ดลอดเข้ามาในบ้านผ่านทางประตู หน้าต่าง หรือระบบระบายอากาศได้ ดังนั้นหากอยู่ในบ้านช่วงที่มีค่าละอองฝุ่นสูง ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด หรือใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์คัดกรองฝุ่น PM2.5

 

4. ความเข้าใจผิด : PM2.5 ส่งผลกระทบแค่ปอด

หากฝุ่นละออง PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย ไม่เพียงแค่ปอดเท่านั้นที่ฝุ่นตัวนี้เข้าไปมีผลกระทบ แต่ฝุ่น PM2.5 ยังเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือดผ่านระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดโรคทางหลอดเลือดหัวใจและสมอง รวมถึงส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในระยะยาว

 

5. ความเข้าใจผิด : ค่า PM2.5 สูงแค่ช่วงฤดูหนาว

แม้ว่าค่า PM2.5 จะสูงในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากปรากฏการณ์อากาศนิ่ง (Inversion Layer) แต่จริงๆ แล้วฤดูอื่นก็มีค่าละอองฝุ่น PM2.5 สูงไม่แพ้กัน ทั้งยังสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีการเผาขยะ

 


วิธีตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5 ให้รู้ทันอากาศในทุกวัน

การตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5 สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เช่น Air4Thai, IQAir หรือเว็บไซต์อื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องวัดฝุ่นแบบพกพาเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่เฉพาะได้

รวมถึงการอ่านค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เข้าใจคุณภาพอากาศในแต่ละวันได้มากขึ้น โดยค่ามาตรฐาน PM2.5 สามารถอ่านได้โดย

  • 0-50 : คุณภาพอากาศดี
  • 51-100 : คุณภาพอากาศปานกลาง
  • 101-150 : คุณภาพอากาศเริ่มส่งผลต่อสุขภาพกลุ่มเสี่ยง
  • 151-200 : ไม่เหมาะสำหรับทุกคน
  • 201-300 : มีผลกระทบต่อสุขภาพสูง

 

ป้องกันตัวเองอย่างไร? เมื่อพื้นที่อาศัยเต็มไปด้วย PM2.5

1. หลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้ง : ถ้าไม่จำเป็นควรงดออกไปข้างนอก โดยเฉพาะกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เช่น วิ่งหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากต้องออกไป ให้รีบทำธุระให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วกลับเข้าที่ร่มทันที
2. สวมหน้ากากที่เหมาะสม : ใช้หน้ากากที่ป้องกันฝุ่นขนาดเล็กได้ เช่น N95 หรือ หน้ากากที่สามารถคัดกรองฝุ่น PM2.5 และตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้ากากแนบสนิทกับใบหน้า ไม่มีอากาศรั่วเข้า
3. ปิดบ้านให้มิดชิด : ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด เพื่อลดการที่ฝุ่นจะเล็ดลอดเข้ามา ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามขอบหน้าต่างและประตูเพื่อเก็บฝุ่นที่อาจสะสม
4. ใช้เครื่องฟอกอากาศ : เปิดเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 ตรวจสอบให้เครื่องทำงานตามขนาดห้องที่เหมาะสม และทำความสะอาดไส้กรองเป็นประจำ
5. ติดตามค่าฝุ่นในพื้นที่ : ใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เช่น IQAir หรือ Air4Thai เพื่อตรวจสอบระดับ PM2.5
6. ดูแลสุขภาพตัวเอง
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม เบอร์รี และผักใบเขียว
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือจุดธูป เพราะจะเพิ่มมลพิษในอากาศ
7. เพิ่มความชื้นในอากาศในบ้าน : ใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (humidifier) หากอากาศในบ้านแห้ง

ช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ

8. ระวังอาการผิดปกติ : หากรู้สึกหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือมีอาการแพ้ ให้รีบพบแพทย์ทันที

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PM2.5 อาจทำให้เราเผชิญความเสี่ยงทางสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การรู้เท่าทันข้อมูลที่ถูกต้องและปรับพฤติกรรมป้องกันตัว เช่น การใช้หน้ากากที่เหมาะสม และตรวจสอบคุณภาพอากาศเป็นประจำ จะช่วยให้เรารับมือกับมลพิษนี้ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

 

 

บทความโดย
นายแพทย์ณัฐวุฒิ สุมาลัย 
แพทย์ประจำสาขาอายุรกรรม
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ




สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนก อายุรกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2390-2393
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดี ๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn