-
รู้ลึก รู้จริงกับ “ผลตรวจสุขภาพ” ป้องกันโรคง่ายๆ เพียงอ่านค่าเป็น
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพไหนๆ จะมีสิ่งที่เรียกว่า “ผลตรวจสุขภาพ” ซึ่งจะมีตัวเลขต่างๆ ระบุเกี่ยวกับค่าต่างๆ ในร่างกาย แต่หลายคนพอเห็นผลตรวจสุขภาพแล้วกลับมีคำถามว่า แล้วค่าต่างๆ เหล่านี้มันหมายความว่าอย่างไร ซึ่งจะดีกว่าไหม? หากเรารู้เกี่ยวกับค่าต่างๆ บนผลตรวจสุขภาพ
ในบทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับค่าต่างๆ ของผลตรวจสุขภาพให้เข้าใจกัน ว่ามีอะไรบ้างที่เราควรรู้ และการอ่านค่าเป็นก็จะยิ่งช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันโรคร้ายที่อาจแฝงอยู่ในร่างกาย
ทำไมการตรวจสุขภาพถึงสำคัญ?
การตรวจสุขภาพเป็นเหมือนกระจกสะท้อนสุขภาพในร่างกายที่บอกว่าอวัยวะของเรากำลังทำงานเป็นอย่างไร การตรวจสุขภาพที่ดีจะช่วยให้เรารู้เท่าทันความเสี่ยงของโรค ช่วยให้สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตได้ก่อนที่โรคจะเกิดขึ้นจริง การรู้ผลตรวจในด้านต่างๆ ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะดูแลสุขภาพอย่างไรให้สอดคล้องกับสภาพร่างกาย
ทำความรู้จักค่าผลตรวจที่สำคัญ และการอ่านค่าต่างๆ
การอ่านค่าผลตรวจไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้และเข้าใจถึงความหมายของค่าต่างๆ เหล่านั้นบนผลตรวจสุขภาพ ก็จะช่วยให้เราตัดสินใจดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
1. ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose) :ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสัญญาณที่บ่งบอกการทำงานของอินซูลินในร่างกาย ค่าน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- Fasting Blood Sugar (FBS) : ระดับน้ำตาลขณะงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- HbA1c : ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือน (ทำให้รู้ถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในระยะยาว)
2. คอเลสเตอรอล (Cholesterol) :
คอเลสเตอรอลมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์และฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งแบ่งเป็น LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) และ HDL (คอเลสเตอรอลดี)
- LDL (Low-Density Lipoprotein) : คอเลสเตอรอลไม่ดี
- HDL (High-Density Lipoprotein) : คอเลสเตอรอลดี
- คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol)
หากสูงกว่า 200 mg/dL ถือว่าสูง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ค่าที่สูงขึ้นมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์
4. ความดันโลหิต (Blood Pressure) :
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด ค่าความดันโลหิตประกอบด้วย 2 ตัวเลข
- ค่าความดันตัวบน (Systolic)
- ค่าความดันตัวล่าง (Diastolic)
ค่าความดันโลหิตที่แนะนำควรอยู่ที่ประมาณ 120/80 mmHg หากสูงกว่า 130/80 mmHg ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (ในบางรายอาจเป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเป็นปกติ จึงพบค่าความดันที่สูงกว่าคนทั่วไปได้)
5. ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count : CBC) :
ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด บ่งบอกถึงเลือดของเราว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการตรวจนับปริมาณเม็ดเลือด และลักษณะของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
- จำนวนเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cells : RBC) : เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย การตรวจนี้มักใช้เพื่อประเมินภาวะโลหิตจาง (Anemia) หรือภาวะเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ (Polycythemia)
หากปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำ อาจบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก หรือภาวะเลือดออก แต่หากสูงเกินไป อาจบ่งชี้ถึงภาวะที่ร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้น
- ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin : Hb/HGB) : ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน การวัดระดับฮีโมโกลบินช่วยให้ทราบเกี่ยวกับภาวะโลหิตจางและการทำงานของร่างกายในการขนส่งออกซิเจน
หากค่าฮีโมโกลบินต่ำอาจบ่งบอกถึงโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือการสูญเสียเลือด แต่หากค่าสูงอาจเกี่ยวข้องกับภาวะขาดน้ำหรือโรคที่ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากเกินไป
- ฮีมาโตคริต (Hematocrit : Hct) : ฮีมาโตคริตเป็นเปอร์เซ็นต์ของเม็ดเลือดแดงในปริมาณเลือดทั้งหมด ค่านี้ช่วยประเมินภาวะโลหิตจางและภาวะเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ
ค่าต่ำอาจบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางหรือการสูญเสียเลือด หากค่าสูงอาจบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ มีปัญหาในการผลิตเม็ดเลือดแดงมากเกินไป หรือมีภาวะเลือดข้น
- เม็ดเลือดขาว (White Blood Cells : WBC) : เม็ดเลือดขาวเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ ค่าที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
การที่ค่าสูงอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ อักเสบ หรือการตอบสนองของร่างกายต่อความเครียดในร่างกาย ส่วนค่าต่ำอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อที่กดระบบภูมิคุ้มกันหรือภาวะการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลง
- เกล็ดเลือด (Platelets : PLT) : เกล็ดเลือดมีหน้าที่สำคัญในการช่วยในการแข็งตัวของเลือด ค่าที่ผิดปกติอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดหรือชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย
ค่าที่ต่ำเกินไปอาจบ่งบอกถึงภาวะเลือดออกง่ายหรือการติดเชื้อบางชนิดที่ทำลายเกล็ดเลือด และค่าที่สูงเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดที่ไม่พึงประสงค์ในหลอดเลือด
6. ค่าเอนไซม์ตับ (Liver Enzymes) หรือการทำงานของตับ (Liver Function Test : LFT) :
ค่าเอนไซม์ตับบ่งบอกถึงการทำงานของตับและการอักเสบของตับ และดูการทำงานของตับว่าผิดปกติหรือไม่ ค่าเอนไซม์ที่มักตรวจได้แก่
- AST (Aspartate Aminotransferase) และ ALT (Alanine Aminotransferase)
ค่าสูงเกินไปบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของปัญหาตับ เช่น การอักเสบหรือตับอักเสบเรื้อรัง
7. ค่าการทำงานของไต (Kidney Function) :
การทำงานของไตเป็นการวัดว่าร่างกายกำจัดของเสียและรักษาสมดุลน้ำในร่างกายได้ดีเพียงใด ซึ่งเป็นการวัดด้วยกัน 2 ค่า ได้แก่
- ค่า BUN (Blood Urea Nitrogen)
- ค่า Creatinine
หากค่าเหล่านี้สูงเกินปกติอาจบ่งชี้ว่าร่างกายขาดน้ำหรือมีปัญหาในการทำงานของไต หรือการกรองของเสียในไตอาจมีปัญหา
8. กรดยูริก (Uric Acid) :
กรดยูริกเป็นผลพลอยได้จากการสลายตัวของพิวรีน ซึ่งเป็นสารที่พบในอาหารบางชนิด เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากระดับกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมในข้อต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์ (Gout) หรือปัญหาเกี่ยวกับไตได้
ค่าที่สูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ นิ่วในไต หรือปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญพิวรีน หากมีค่าต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนต่ำหรือมีปัญหาในการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
9. การตรวจปัสสาวะ (Urine Analysis : UA) :
การตรวจปัสสาวะสามารถบอกถึงปัญหาทางเดินปัสสาวะ โรคเบาหวาน การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคไตได้ โดยเป็นการตรวจลักษณะทางกายภาพ สี กลิ่น ความใสของน้ำ สารเคมีหรือสารเจือปนต่างๆ ที่อยู่ในปัสสาวะ
การติดตามและตรวจสุขภาพซ้ำ (Follow-Up)
เมื่อรู้ถึงความหมายของตัวเลขจากผลตรวจสุขภาพของเราแล้ว หากพบความผิดปกติก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ตัวเลขกลับมาอยู่ในค่าที่ปกติ แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เห็นผลได้ในทันที แต่ควรติดตามผลตรวจสุขภาพทุก 3-6 เดือนเพื่อเช็คผลลัพธ์ เช่น ถ้าค่าคอเลสเตอรอลลดลงหลังปรับพฤติกรรม นั่นแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว การตรวจซ้ำจะช่วยให้เรามั่นใจว่าเราอยู่ในเส้นทางการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง และปรับพฤติกรรมได้ตามต้องการ
อ่านค่าเป็น...ก็ต้องปรับเปลี่ยนเป็น!
สุขภาพดีไม่ใช่แค่การอ่านค่าตัวเลขให้ถูกต้อง แต่เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น การตรวจสุขภาพเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและเป็นโอกาสที่เราจะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าผลตรวจของเราจะเป็นอย่างไร การใส่ใจดูแลสุขภาพจากภายในคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตาม ค่าผลตรวจสุขภาพทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ค่าจากการตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น บางค่าเฉลี่ยมาตรฐานอาจไม่ตรงกับบางคนเสมอไป เนื่องจากการตรวจยังต้องอาศัยการพบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกายด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อประกอบการวินิจฉัย และสุขภาพพื้นฐานของแต่ละคนด้วย
หากแพทย์พบความผิดปกติหรือประเมินแล้วว่าอาจมีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อาจแนะนำให้ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง เพื่อผลที่แม่นยำและทำการป้องกันการเกิดโรคหรือภาวะผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
บทความโดย
แพทย์หญิงพรทิพย์ เรืองสีสมบูรณ์
แพทย์ประจำสาขาศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ