-
กินหมูดิบ เสี่ยงพบโรคไข้หูดับไม่รู้ตัว!
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
28-มิ.ย.-2567

กินหมูดิบ เสี่ยงพบโรคไข้หูดับไม่รู้ตัว!

ในปัจจุบัน กระแสการกินอาหารประเภท ปิ้งย่าง ชาบู หรือหมูกระทะ กำลังได้รับความนิยมกันอยู่ไม่น้อย โดย 1 ในพฤติกรรมของการกินอาหารเหล่านี้ มักเป็นการใช้พาชนะในการกิน(โดยส่วนใหญ่มักเป็นตะเกียบ) คีบหมูดิบลงหม้อหรือกระทะ แล้วนำตะเกียบนั้นมาคีบอาหารเข้าปากต่อ พฤติกรรมนี้เปรียบเสมือนการกินหมูดิบที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกเลยก็ว่าได้ และมักส่งผลให้เกิดโรคที่หลายๆ คนคุ้นหูอย่าง โรคไข้หูดับ ได้โดยไม่รู้ตัว

 


เกิดจากการกินหมูดิบจริงหรือไม่?

โรคไข้หูดับมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) จากการรับประทานอาหารที่มีเนื้อหรือเลือดหมูแบบดิบและกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือผู้ที่ใช้อุปกรณ์ที่สัมผัสกับเนื้อหมูดิบร่วมการรับประทานอาหารโดยตรง รวมถึงการสัมผัสเนื้อหมูที่มีเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุตา หรือไปสัมผัสสารคัดหลั่งของหมู เช่น น้ำลาย ก็สามารถทำให้ติดเชื้อไวรัสสเตรฟโตคอกคัส ซูอิสที่ก่อให้เกิดโรคหูดับได้

              โดยเชื้อไวรัส สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส จะอาศัยอยู่ในทางเดินหายใจหมู และในเลือดของหมูที่กำลังป่วย โดยทั่วไปแล้วเชื้อชนิดนี้จะไม่ทำให้เกิดโรค แต่หากหมูเกิดอาการป่วย เชื้อตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนทำให้หมูตัวนั้นตาย และทำให้ตัวเชื้อสามารถแพร่กระจายจากสัตว์ไปสู่คนได้

 

อาการของโรคไข้หูดับ

เมื่อได้รับเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะมีระยะฟักตัวในร่างกายประมาณ 3-5 วันก่อนแสดงอาการ โดยผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการ

  • มีไข้สูง
  • ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้
  • ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
  • คอแข็งเกร็ง

ในบางรายที่มีอาการรุนแรงก็จะส่งผลให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ประสาทหูอักเสบจนสูญเสียการได้ยิน หูดับหรือหูหนวก ระดับความรู้สึกตัวลดลง หรืออาจร้ายแรงไปจนถึงการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้นหากมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีประวัติสัมผัสหรือบริโภคเนื้อหมูแบบกึ่งสุกกึ่งดิบมาก่อนในช่วงไม่เกิน 14 วันที่ผ่านมา ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส และเข้ารับการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา

 


กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวัง

เป็นกลุ่มที่หากสัมผัสได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะมีโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไป ได้แก่

  • กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ

 

การรักษาโรคไข้หูดับ

การรักษาโรคไข้หูดับจะรักษาทั้งการรักษาแบบเจาะจง และรักษาตามอาการ โดยการรักษาแบบเจาะจงแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะผ่านทางหลอดเลือดดำอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ และการรักษาตามอาการเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น การให้ยาลดอาการปวด ลดไข้ ลดอาการวิงเวียนศีรษะ รวมถึงการรักษาแบบประคองอาการ เช่น การให้สารอาหาร หรือเกลือแร่ให้แก่ผู้ป่วยอย่างเพียงพอ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรักษาก็มักตอบสนองได้ดีและหายขาดได้

 


เปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง...เลี่ยงหูดับ

  1. หลีกเลี่ยงการทานเนื้อหมูดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยเลือกรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุก และสะอาดทุกครั้ง
  2. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อันเดียวกันระหว่างอันที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุก กับหมูดิบ
  3. หลีกเลี่ยงการนำเนื้อหมูที่ป่วยหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุมาบริโภค ควรเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่ถูกต้อง มีมาตรฐาน และผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์ หรือกรมอนามัย
  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อหมูสด หรือเนื้อหมูที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก หากจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือ และล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังสัมผัสทุกครั้ง

 

หากท่านมีความเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างเร็วที่สุด และถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน

 

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดโรคไข้หูดับ เราจึงควรหมั่นให้ความสำคัญกับสุขลักษณะของอาหารก่อนที่จะรับประทานทุกครั้ง และควรรับประทานอาหารที่มั่นใจว่าปรุงสุก เพื่อลดความเสี่ยงของโรคที่อาจจะตามมาได้

 

 

บทความโดย
นายแพทย์พิทยา กนกจรรยา
แพทย์ประจำสาขาโสต ศอ นาสิก
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนกหู ตา คอ จมูก
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ 
โทร.02-363-2000 ต่อ 2540-2541
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆได้ที่

Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn