การเลี้ยงลูกจำเป็นต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก ทั้งเข้าใจในด้านพฤติกรรม อารมณ์ และวิธีเลี้ยงให้ลูกน้อยนั้นเติบโตสมวัย มีพัฒนาการในทางที่ดี คุณปิยนุช เจริญสินธุ์ คุณแม่ของน้องมังกร เข้ามารับการปรึกษาเรื่องแนวทางการเลี้ยงลูก เนื่องจากพบปัญหาของพฤติกรรมน้องมังกรที่มักไม่ค่อยตอบเวลาถามหรือเรียก การสนใจของเล่นมากกว่าการทานข้าว และการร้องไห้เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ได้เข้ารับบริการปรึกษาด้านพัฒนาการเด็กเนื่องจากมีความกังวลว่าลูกน้อยจะมีพฤติกรรมที่แย่ลงหรือเป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากปัญหาพัฒนาการ
“การงอแง ร้องไห้ ทำให้น้องมังกรได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ส่งผลให้เขางอแงและร้องไห้หนักมากขึ้นจนไปถึงการตีคุณย่าที่เป็นคนเลี้ยงดูใกล้ชิด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนในบ้านไม่เคยทำให้ดูค่ะ” การเข้ารับคำปรึกษาและประเมินพัฒนาการกับคุณภัทราภรณ์ สิงหศิริ หรือครูฟ้า ซึ่งเป็นนักกิจกรรมบำบัดในผู้รับบริการเด็ก พบว่า น้องมังกรมีพัฒนาการโดยรวมปกติตามวัย เช่นเดียวกับพัฒนาการบางด้านที่สามารถส่งผลต่อเรื่องของอารมณ์และพฤติกรรมได้ก็เป็นปกติ ดังนั้นครูฟ้าจึงได้ทำการสัมภาษณ์คุณแม่เพิ่มเติมถึงวิธีการตอบสนองและการจัดการกับอารมณ์และพฤติกรรมของน้องมังกรเมื่ออยู่ที่บ้านพบว่า เมื่อน้องมังกรร้องไห้งอแง บางครั้งผู้ปกครองก็เพิกเฉย บางครั้งก็ให้ความสนใจ มีตีบ้าง หรือมีพาเข้ามุมบ้าง จึงทำให้ครูฟ้าพอที่จะทราบสาเหตุของปัญหาอารมณ์และพฤติกรรมของน้องมังกรในครั้งนี้ได้ ว่าอาจจะเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูที่ส่งเสริมพฤติกรรมของเขาน้องมังกร ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับหลาย ๆ ครอบครัว หากเราสามารถปรับวิธีการเลี้ยงดูโดยทุกคนในครอบครัวร่วมมือกันแบบให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเหมาะสมก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
“การงอแง เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นสิ่งที่พบได้มากในเด็กวัย 1-3 ขวบค่ะ ซึ่งเป็นอารมณ์และพฤติกรรมที่สามารถเกิดขึ้นตามช่วงวัยได้ แต่ทั้งนี้อารมณ์และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นควรจะได้รับการจัดการที่เหมาะสม โดยครูฟ้าแนะนำว่า เมื่อเด็กมีพฤติกรรมดังกล่าวให้พยายามหามุมสงบให้เด็กอยู่ โดยมีผู้ปกครองคอยอยู่ใกล้ ๆ โดยที่ยังไม่ต้องพูดสอน ไม่ต้องบังคับให้เด็กเงียบ และไม่ควรให้ความสนใจหรือตอบสนองต่ออารมณ์และพฤติกรรมเชิงลบเหล่านั้นของเด็ก แต่อาจใช้วิธีพูดสั้น ๆ เพียงว่า
“ตอนนี้หนูกำลังโกรธที่ไม่ได้ของที่ต้องการ แม่ไม่เข้าใจว่าหนูอยากได้อะไร แม่จะรอจนหนูหยุดร้องไห้แล้วเราค่อยมาคุยกันดี ๆ นะ” โดยให้เด็กพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงก่อนและทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยด้วยว่าผู้ปกครองยังไม่ได้ทอดทิ้งไปไหน เมื่อเด็กอารมณ์เป็นปกติ อารมณ์ดีขึ้นก็เริ่มคุยกับเขาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วค่อยบอก ค่อยสอนกันว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น และเด็กควรจะมีพฤติกรรมแบบไหนจึงจะเหมาะสมและได้ในสิ่งที่ต้องการโดยครูฟ้าไม่แนะนำให้ใช้วิธีการตีเพื่อลงโทษเด็กเมื่อมีอารมณ์และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะการตีอาจจะแค่ทำให้เด็กกลัวและหยุดทำพฤติกรรมนั้นแค่ตอนนั้น ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมในระยะยาว และเด็กเองก็จะไม่ได้เรียนรู้พฤติกรรมที่เหมาะสม ซึ่งในอนาคตเด็กก็อาจจะจดจำและใช้วิธีการตีหรือทำร้ายคนอื่นเหมือนกับที่ตัวเองโดนในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ค่ะ
ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของการจัดการปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรมคือ เด็กต้องสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วยตัวเองได้ โดยในการแก้ไขปัญหาอารมณ์และพฤติกรรมของเด็กครอบครัวมีส่วนสำคัญมาก ครูฟ้าจะเน้นย้ำเสมอว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือพี่เลี้ยง และทุก ๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กต้องช่วยกันปรับพฤติกรรมเด็ก และปรับในเรื่องของการเลี้ยงดูเด็กร่วมกัน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและที่สำคัญต้องมีความสม่ำเสมอค่ะ นอกจากนี้ผู้ปกครองก็ควรที่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ตรวจตราดูแลเรื่องสื่อต่าง ๆ ที่เด็กจะได้ดูให้มีความเหมาะสมด้วยค่ะ”การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กต้องใช้เวลาและความเข้าใจ คุณปิยนุชได้ให้ความคิดเห็นหลังจากเข้ารับคำปรึกษาและทดสอบพัฒนาการจากนักกิจกรรมบำบัดดังนี้
“รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เข้ามารับคำปรึกษากับครูฟ้าค่ะ ครูฟ้าใจเย็นและอธิบายทุกอย่างเข้าใจง่ายมากๆ โดยจะนำวิธีการที่ครูฟ้าแนะนำไปใช้ในการเลี้ยงน้องมังกรอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งเราเข้าใจว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กนั้นต้องใช้เวลา อาจจะไม่เห็นผลในวันสองวันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับและชัดเจนกับตัวคุณแม่เองมากๆ เลยก็คือ ความมั่นใจ และแนวทางในการเลี้ยงลูกต่อไปค่ะ”
วิดีโอที่เกี่ยวข้องปรึกษาปัญหาสุขภาพโรงพยาบาลเปาโล รังสิต โทร 0-2577-8111รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่Facebook : โรงพยาบาลเปาโล รังสิต