โรคที่คู่รักควรระวังมีอะไรบ้าง? โรคของคู่รักนั้นรวมไปถึงสามี ภรรยา ไปจนถึงผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ล้วนมีความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งนั้น หากไม่ป้องกันและทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรค โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้นไม่ได้ติดต่อกันจากอวัยวะสืบพันธ์เท่านั้น แต่อวัยวะอื่นๆ ของเราก็สามารถติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เหมือนกัน และเป็นส่วนมากของโรคที่ในระยะแรกจะไม่ได้แสดงอาการทำให้เราชะล่าใจที่จะดูแลตัวเองและป้องกัน ทำให้เกิดการแพร่เชื้อสู่คู่นอนได้อย่างง่ายดาย
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอะไรบ้าง- เริม (Herpes) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ติดต่อกันได้โดยสัมผัสโดนน้ำเหลืองของผู้ป่วย สามารถรับเชื้อได้หากดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ภาชนะร่วมกัน การจูบและการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการที่แสดงออกชัดเจน แต่สามารถสังเกตได้จากผิวหนังบริเวณปาก หรือ อวัยวะเพศนั้นมีตุ่มพองใสเล็กๆ เริ่มปวดแสบปวดร้อนแผลและแตกออก นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมกันด้วย เช่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย มีไข้
- มะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) โดยเชื้อไวรัสตัวนี้มีมากมายกว่า 100 สายพันธุ์และเป็นสาเหตุของโรคอีกหลายชนิดที่ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก รวมไปถึงรอยแผล รอยขีดข่วน ที่ได้รับการสัมผัสกับเชื้อไวรัสนี้ก็สามารถติดโรคได้แล้ว อาการที่สังเกตได้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ตกขาวมากกว่าปกติ เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะไม่ออก ปวดบวมที่กระเพาะปัสสาวะ โดยอาการเหล่านี้ มักอยู่ในระยะลุกลามแล้ว
- หูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อไวรัส HPV เช่นกัน สามารถเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการของหูดหงอนไก่นั้น โดยระยะเริ่มแรกนั้นแทบจะไม่มีอาการอะไรเลย
- ซิฟิลิส (Treponema Pallidum) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อกันทางแผลและการมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้จากสารคัดหลั่ง ในระยะแรกจะยังไม่มีอาการที่ชัดเจนเพราะใช้ระยะเวลาฟักตัวประมาณ 2-4 สัปดาห์ ทำให้โรคซิฟิลิสนั้นสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เพราะผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ แต่อาการที่สามารถสังเกตได้คือแผลที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนักมีแผลที่เนื้อริมขอบนั้นแข็ง ไม่มีอาการปวด และหายเองโดยไม่ต้องใช้ยา
- หนองใน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae เราสามารถติดเชื้อได้จากสารคัดหลั่ง น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด โดยเชื้อหนองในนั้นสามารถติดต่อกันได้จากการใช้ของร่วมกัน และสารคัดหลั่งขณะที่มีเพศสัมพันธ์หากไม่ป้องกัน
- HIV หรือ เชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus ที่รู้จักกันในชื่อของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถติดต่อได้จากสารคัดหลั่งในร่างกายตั้งแต่ เลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นกิจกรรมที่สามารถติดโรคนี้ได้ง่ายมาก อาการที่พบบ่อยคืออ่อนเพลีย มีไข้ ปวดตามร่างกาย ไปจนถึงภูมิคุ้นกันร่างกายต่ำจนเกิดกลายเป็นโรคเอดส์ AIDs
- AIDs เกิดมาจากเชื้อ HIV ผู้ติดเชื้อจะมีระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ต่ำกว่า 200 ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจนโรคต่างๆ สามารถเข้ามาแทรกซ้อนได้ง่าย โดยส่วนมากจะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ
โรคต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น ยังมีโรคอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึงและสามารถติดต่อ แพร่เชื้อต่อกันได้โดยง่าย การป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำได้อย่างไรบ้างหากจะบอกว่าการไม่มีเพศสัมพันธ์เป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงได้มากที่สุด แต่คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือ เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นเราจึงควรเรียนวิธีป้องกัน
- สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นวิธีที่ง่ายและตรงจุดที่สุด เพราะโรคทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่มักติดต่อกันทางสัมผัส อีกทั้งการสวมถุงยางอนามัยยังเป็นการคุมกำเนิดโดยไม่พร้อมได้อีกด้วย
- คัดกรองประวัติคู่นอน ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย การแพร่เชื้อของโรคต่างๆ นั้นมักมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งชายและหญิง การที่เรามีหลายคนก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการรับโรคอีกด้วย
- การตรวจสุขภาพประจำปี นอกจากการสวมถุงยางอนามัยแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นการคัดกรองโรคและสร้างความมั่นให้กับคู่นอน
- การฉีดวัคซีนป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคนั้นสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการฉีดวัคซีน อย่าง้ช่น เชื้อไวรัส HPV เป็นต้น เพราะในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 14 สายพันธุ์ที่สามารถป้องกัน โรคมะเร็งปากมดลูก หูดหงอนไก่ ได้ด้วย