โรคภูมิแพ้ในเด็ก ทำไมต้องระวัง

โรคภูมิแพ้ในเด็ก ทำไมต้องระวัง และสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้! 

โรคภูมิแพ้คือภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติในขณะที่คนทั่วไปสัมผัสสารเหล่านี้แล้วไม่มีอาการผิดปกติแต่ในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ร่างกายจะแสดงอาการแพ้ออกมาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กๆได้อย่างมากบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโรคภูมิแพ้ในเด็กมากขึ้น 


สารก่อภูมิแพ้ ตัวการสำคัญที่ต้องรู้จัก
 

สารก่อภูมิแพ้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆดังนี้:
1.
สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ: สารเหล่านี้จะลอยอยู่ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย:

  • กลุ่มสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน: เช่นไรฝุ่น, แมลงสาบ, ขนสุนัข, ขนแมวและเชื้อราที่มักเจริญเติบโตในที่ชื้น
  • กลุ่มสารก่อภูมิแพ้นอกบ้าน: เช่นละอองเกสรดอกหญ้าและเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศภายนอก

2. สารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร: คืออาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้โดยเฉพาะในเด็กเล็กแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย: 
  • กลุ่มที่อาการแพ้อาจหายได้เมื่อโตขึ้น: มักพบในเด็กเล็กเช่นนมวัว, ไข่ขาว, ถั่วเหลือง, แป้งสาลี (กลูเตน) โดยมีโอกาสที่ระบบภูมิคุ้มกันจะพัฒนาและทนต่ออาหารเหล่านั้นได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้น 
  • กลุ่มที่มีอาการแพ้ตลอดไป: มักเป็นการแพ้อาหารที่รุนแรงและคงอยู่ตลอดชีวิตเช่นอาหารทะเลและถั่วลิสงรวมถึงถั่วเปลือกแข็งชนิดอื่นๆ

โรคภูมิแพ้ในเด็กแตกต่างกับผู้ใหญ่หรือไม่? 

โดยส่วนใหญ่โรคภูมิแพ้มักเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กแต่อาการแสดงออกจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุและอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเด็กเติบโตขึ้น 

  • ในเด็กเล็กหรือทารก: มักพบอาการภูมิแพ้ทางผิวหนังเช่นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) หรือแพ้อาหาร (Food Allergy) 
  • เมื่ออายุเพิ่มขึ้น (ประมาณ 2 ขวบขึ้นไป): อาการแพ้อาหารหรือภูมิแพ้ทางผิวหนังอาจดีขึ้นหรือหายไปได้แต่กลับพบว่าอาจมีอาการภูมิแพ้ชนิดอื่นเพิ่มขึ้นมาแทนที่เช่นภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) ที่ทำให้เกิดอาการจมูกอักเสบหรือโรคหอบหืด (Asthma) 
  • ในกลุ่มผู้ใหญ่: อาจพบอาการภูมิแพ้ที่แสดงออกเป็นลมพิษเรื้อรัง, จมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือหอบหืดในสัดส่วนที่สูงขึ้น

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของโรคภูมิแพ้ไปตามช่วงวัยนี้เรียกว่า "Allergic March" หรือ "ขบวนการแพ้" ซึ่งเป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของโรคนี้ในเด็ก 

 

 3 ระบบสำคัญของโรคภูมิแพ้ ที่พบบ่อยในเด็ก 

อาการภูมิแพ้ในเด็กสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับระบบของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ:

1. ระบบทางผิวหนัง: 
  • ผื่นแห้งแดงคัน: มักพบในเด็กเล็กหรือทารกโดยมีลักษณะผิวแห้งมีผื่นแดงคันมาก (เช่นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือเอ็กซีมา (Eczema)) 
  • ผื่นลมพิษ: มีลักษณะเป็นผื่นนูนแดงคันมากอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่และสามารถย้ายตำแหน่งได้

2. ระบบทางเดินหายใจ: 
  • โรคหอบหืด (Asthma): มีอาการไอเรื้อรัง, หายใจมีเสียงวี้ด, หอบเหนื่อย, แน่นหน้าอกโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือมีการออกกำลังกาย 
  • จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis): มีอาการคันจมูก, จามบ่อย, น้ำมูกไหล (ใส), คัดจมูก

3. ระบบทางเดินอาหาร: 
  • มักพบในเด็กเล็กหรือทารกโดยเฉพาะการแพ้นมวัวหรือไข่เช่นกินนมแล้วถ่ายเป็นมูกปนเลือด, อาเจียน, ปวดท้อง, ท้องเสีย 
  • ในบางรายที่แพ้อาหารรุนแรง (เช่นภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลันหรือAnaphylaxis) ร่างกายอาจแสดงอาการแพ้พร้อมกันหลายระบบเช่นมีผื่นขึ้นหายใจลำบากและความดันโลหิตต่ำซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที



บทความโดย

กุมารแพทย์ ชำนาญการด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน  
โรงพยาบาลเปาโล เกษตร



สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์ตรวจสุขภาพเด็ก โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5121
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset