ภาวะซีด เลือดจาง อันตรายไหม? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ภาวะซีดหรือโลหิตจาง คือการมีเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติ ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะได้ไม่เพียงพอ อันตรายมากหากไม่รักษา เสี่ยงหัวใจล้มเหลวและส่งผลต่อพัฒนาการ

โลหิตจางคืออะไร และรุนแรงแค่ไหน
               
ภาวะซีด หรือที่แพทย์เรียกว่า "โลหิตจาง (Anemia)" เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้คนทุกเพศทุกวัย ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่าประชากรโลกประมาณ 1.6 พันล้านคนเป็นโลหิตจาง
               
ในประเทศไทย สถิติจากกรมอนามัย ระบุว่า หญิงวัยเจริญพันธุ์ไทย 25.3% และเด็กอายุ 6-23 เดือน 33.7% มีอาการนี้

ระดับความรุนแรงของเลือดจาง

ระดับความรุนแรง ค่า Hemoglobin (g/dL) อาการที่พบ
ปกติ ชาย 13-17, หญิง: 12-15 ไม่มีอาการ
เลือดจางเล็กน้อย 10-11.9 เหนื่อยง่าย
เลือดจางปานกลาง 7-9.9 เวียนศีรษะ หายใจเร็ว
เลือดจางรุนแรง น้อยกว่า 7 อันตรายต่อชีวิต

สัญญาณเตือนภาวะซีดที่ไม่ควรมองข้าม

อาการเริ่มแรกที่สังเกตได้ง่าย

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แม้ทำกิจกรรมเล็กน้อย
  • หน้าซีด โดยเฉพาะที่หนังตาด้านใน ลิ้น เหงือก
  • หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • วิงเวียนศีรษะ มึนงง มือเท้าเย็น

อาการที่บ่งบอกถึงความรุนแรง

  • ผมร่วง เล็บเปราะ แตกง่าย
  • อยากกินสิ่งแปลกๆ เช่น น้ำแข็ง แป้ง ดิน
  • ปวดศีรษะบ่อย สมาธิสั้น จำได้ไม่ดี
  • หายใจลำบากแม้อยู่เฉยๆ

สาเหตุหลักของโลหิตจาง

เลือดจาง โลหิตจาง เกิดได้จากหลายสาเหตุ แบ่งออกเป็น 3 กลุมหลัก

1. การสูญเสียเลือด

  • ประจำเดือนมากผิดปกติ
  • เลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
  • การบริจาคเลือดบ่อยเกินไป

2. การผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง

  • ขาดธาตุเหล็ก (พบ 80% ของทุกกรณี)
  • ขาดวิตามิน B12 หรือกรดโฟลิก
  • โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็งที่ไขกระดูก

3. การทำลายเม็ดเลือดแดงมากเกินไป

  • โรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย
  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • การติดเชื้อรุนแรง

การตรวจวินิจฉัยและการรักษา
การตรวจเลือดพื้นฐาน
แพทย์จะสั่งตรวจ Complete Blood Count (CBC) เพื่อดูค่าต่างๆ

การตรวจ ค่าปกติ ความหมาย
Hemoglobin (Hb) ชาย: 13-17 g/dL และ หญิง: 12-15 g/dL โปรตีนขนส่งออกซิเจน
Hematocrit (Hct) ชาย: 40-50% และ หญิง: 36-44% สัดส่วนเม็ดเลือดแดงในเลือด

วิธีการรักษาตามสาเหตุ

  • ขาดธาตุเหล็ก: ยาเสริมธาตุเหล็ก + อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
  • ขาดวิตามิน B12: ฉีดวิตามิน B12 หรือรับประทานเสริม
  • เลือดออกมาก: หาสาเหตุและรักษาจุดเลือดออก
  • โรคเรื้อรัง: รักษาโรคต้นเหตุควบคู่กัน 

อาหารที่ช่วยป้องกันโลหิตจาง

อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

  • เนื้อแดง ตับ ปลาทู หอยแครง
  • ผักใบเขียวเข้ม ถั่วเหลือง งาดำ

อาหารเสริมการดูดซึม

  • ผลไม้ที่มีวิตามิน C เช่น ส้ม มะนาว
  • หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หลังอาหารทันที
ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย

หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง:

  • หัวใจล้มเหลว จากการทำงานหนักเกินไป
  • พัฒนาการช้า ในเด็ก สมาธิสั้น เรียนไม่เก่ง
  • คลอดก่อนกำหนด ในหญิงตั้งครรภ์
  • การติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

คำถามที่พบบ่อย

โรคิดจางหายได้ไหม?
หายได้ หากรักษาถูกต้องตามสาเหตุ ใช้เวลา 2-6 เดือน
กินยาเสริมธาตุเหล็กนานแค่ไหน?
โดยทั่วไป 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรง
โรคิดจางติดต่อได้ไหม?
ติดต่อไม่ได้ แต่บางชนิดมีสาเหตุจากพันธุกรรม

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ควรรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อ

  • อ่อนเพลียมากจนทำกิจกรรมประจำวันไม่ได้
  • หน้าซีดจัด ริมฝีปากซีด
  • หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • เป็นลมหรือสลบ

ควรตรวจสุขภาพประจำปี

  • หญิงวัยเจริญพันธุ์และหญิงตั้งครรภ์
  • เด็กอายุ 1-5 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปี

ตามข้อมูลจากกรมการแพทย์ แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

ภาวะซีดหรือโลหิตจาง เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยแต่ไม่ควรมองข้าม การรู้จักสังเกตอาการและเข้าใจสาเหตุช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น การรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ

หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีเลือดจาง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


บทความโดย
พญ.ศิริลักษณ์ ไทยยานันท์

อายุรแพทย์ทั่วไป

สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5113
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset