พญ.กัณฑ์กณัฐ งามวิชัยรัชต์

จักษุแพทย์

วุฒิบัตร

จักษุแพทย์
วัน เวลา
จันทร์ 12:00 - 15:00
อังคาร 08:00 - 15:00
พุธ 08:30 - 18:00
พฤหัสบดี 08:00 - 15:00
ศุกร์ 08:00 - 15:00
เสาร์ 08:00 - 14:30
ประวัติการศึกษา
วุฒิการศึกษา สถาบันการศึกษา
แพทยศาสตรบัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วุฒิบัตรจักษุวิทยาโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
อนุสาขาประสาทจักษุวิทยาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Neuro-Ophthalmologyประเทศสวิสเซอร์แลนด์
<span style="font-family: DBHeavent;">title</span>

อาการที่เกิดขึ้นที่ตานั้นสื่อไปได้ถึงหลายโรค อย่างตื่นเช้ามาพอจะอ่านหนังสือพิมพ์แล้วไม่เห็น มองตัวหนังสือแล้วมันหายไป หลังจากตรวจตาแล้ว ก็พบว่าการมองนั้นหายไปทางครึ่งล่างทั้งหมด คือลักษณะของระบบประสาทที่ผิดปกติแล้วแน่ๆ ส่งคนไข้ไปที่หน่วย Stroke Fast Track ให้ยา คนไข้ก็ดีขึ้นเลย กรณีนี้ถ้าหมอดูว่าเป็นเรื่องของตาอย่างเดียว และมุ่งรักษาที่ตาก็จะไม่พบสาเหตุที่แท้จริง คนไข้ก็จะกลายเป็นกลุ่มคนไข้ stroke ที่พบหมอช้า ผลการรักษาก็จะไม่ดี ดังนั้น การหาสาเหตุของโรคให้พบอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างตรงจุด ส่งผลดีต่อคนไข้อย่างมาก

หลังจาก พญ.กัณฑ์กณัฐ งามวิชัยรัชต์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณหมอได้ศึกษาต่อวุฒิบัตรจักษุวิทยา ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมถึงวุฒิบัตรในอนุสาขาประสาทจักษุวิทยา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้เดินทางไปศึกษาต่อเพิ่มเติมทางด้าน Neuro - Ophthalmology ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย คุณหมอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจ และประสบการณ์ในการศึกษาว่า...

ที่เรียนแพทย์ เพราะนอกจากนำความรู้ที่ได้มาสร้างประโยชน์ให้ทั้งกับตนเอง และครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญกว่านั้น คือได้นำความรู้ไปสร้างประโยชน์ให้คนจำนวนมาก และเมื่อได้มาเรียน และเป็นแพทย์จริงๆ ก็รู้สึกชอบในความท้าทาย เพื่อทำการรักษาออกมาที่ดีสุดในทุกๆ เคส ส่วนที่เลือกเรียนต่อด้านจักษุวิทยา เพราะการใช้กล้องส่องได้เห็นเส้นประสาทจริงๆ ของดวงตา โดยไม่ต้องฉีดสี ไม่ต้องเอกซเรย์ ทำให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ และความซับซ้อนของดวงตา การดูดวงตาสามารถบอกถึงสุขภาพได้หลายด้าน พอรู้ว่ามีเส้นประสาทสมองหลายคู่ที่เป็นปลายประสาทนั้นมีความสัมพันธ์กับดวงตา แถมยังบอกถึงโรคทางสมองได้ด้วย ยิ่งรู้สึกสนใจ

ความสำคัญของดวงตาที่มากกว่าการมองเห็น

นอกจากคุณหมอกัณฑ์กณัฐ จะดูแลรักษาโรคทั่วไปที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อกระจก ต้อเนื้อ หรือโรคตาแห้ง แล้ว คุณหมอยังมีความเชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทางในด้านการรักษาประสาทตาซึ่งมีความสัมพันธ์กับสมองเป็นอย่างมาก

การตรวจ หรือรักษาประสาทตาก็เหมือนการค้นหาสาเหตุ เป็นเหมือนนักสืบที่สืบค้นโรคจากดวงตา เพราะเรื่องของประสาทตานั้นสัมพันธ์กับสมอง บางโรคอาการแสดงออกที่ตาก่อน หากรักษาไม่ถูกจุด คือวินิจฉัยอาการไปทางอื่น ผลสุดท้ายอาการอาจไปออกทางสมอง มีภาวะแขนขาอ่อนแรง อาจเป็นอัมพาตได้โดยไม่รู้ตัว เวลาตรวจคนไข้หมอจึงดูไปถึงปัญหาการมอง หมอก็จะให้คำแนะนำโดยละเอียดว่าควรทำอย่างไร เพื่อไม่เกิดการบาดเจ็บหรือมีอาการเพิ่มขึ้น แนะนำวิธีรักษา ทำการรักษา และสอนวิธีที่การปรับตัว การใช้สายตา รวมถึงสอนให้ญาติ หรือคนที่ดูแลผู้ป่วยเข้าใจถึงการมองเห็นของคนไข้เพื่อการดูแลอย่างถูกวิธี

ให้ความสำคัญ ละเอียดรอบคอบในทุกการรักษา

คุณหมอกัณฑ์กณัฐ เป็นจักษุแพทย์ที่ให้การรักษาอย่างพิถีพิถัน ด้วยความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการเป็นจักษุแพทย์มาอย่างยาวนาน ให้ความสำคัญกับคนไข้อย่างเต็มที่ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อเท็จจริง อธิบายเกี่ยวกับตัวโรค กระบวนการรักษาด้วยภาษาง่ายๆ รับฟังคนไข้ในทุกปัญหา และความกังวล เพื่อหาจุดร่วมในการรักษาที่มีเป้าหมายตรงกัน

ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความละเอียดอ่อน และมีความสำคัญมาก การตรวจอาการ และการหาสาเหตุของโรคจึงต้องอาศัยทั้งการซักประวัติ และการตรวจที่พิถีพิถันละเอียดลออ คนไข้เข้ามาหาเรา เขาต้องได้ประโยชน์อื่นๆ นอกจากการรักษากลับไปด้วย หมอคิดว่าการได้ให้ความรู้ ให้ข้อมูลสิ่งที่ควรทำกับคนไข้ รวมถึงการดูแลตนเอง คือ การสร้างประโยชน์จากความรู้ที่มี และเป็นความสุขของหมอที่ได้ดูแล ส่วนการผ่าตัดจะคำนึงถึงความแม่นยำในระดับมิลลิเมตร คือต้องเป๊ะ ต้องใช้ทั้งความละเอียด และความเบามือ เพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด

การดูแล และตรวจสุขภาพดวงตาที่ไม่ควรละเลย

การตรวจสุขภาพดวงตาจะช่วยให้เราป้องกัน หรือรู้เท่าทันโรคที่อาจซ่อนอยู่ เพราะโรคบางอย่างก็ไม่แสดงอาการอย่างเด่นชัดทันที กว่าจะแสดงอาการก็อาจรุนแรงแล้ว อย่างเช่น โรคต้อหิน ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาทำให้ตาบอดได้...

การตรวจสุขภาพดวงตาเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือแม้แต่อายุยังไม่มากแต่มีความเสี่ยง หรือรู้สึกว่าเกิดความผิดปกติก็ควรรีบตรวจ การใช้สายตานั้นควรมีจังหวะพัก เพราะปัจจุบันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี วิถีชีวิตอยู่กับหน้าจอทั้งสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ แนะนำ ใน 1 ชั่วโมงควรพักสายตาประมาณ 5 นาที และไม่ควรใช้สายตาติดต่อกันนานเกิน 3 ชั่วโมง ถ้าถึงเมื่อไหร่ควรพัก 15 นาทีเป็นอย่างน้อย พยายามพักสายตาให้บ่อย และถ้ารู้สึกผิดปกติ ปวดตา ตาแดงง่าย หรือแม้แต่ตามัวบ่อยๆ เป็นๆ หายๆ ก็ไม่ควรปล่อยวาง หรือชะล่าใจ ที่จะตรวจวินิจฉัยอาการและหาสาเหตุ เพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที