การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM) คืออะไร?
BGM (Blood Glucose Monitoring) คือ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองโดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล เป็นการตรวจเพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานด้วยการใช้เข็มปากกาเจาะที่ปลายนิ้ว โดยหยดเลือดลงบนแผ่นทดสอบเพียง 1 หยด แล้วทำการวัดค่าด้วยเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่เรียกว่า Blood Glucose Meter
ใครบ้างที่ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM)
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพาด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีค่าน้ำตาลในเลือดสูงในระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน และผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 เพื่อการดูแลตนเองและเพื่อแจ้งแก่แพทย์เมื่อถึงวันนัดพบแพทย์ โดยอาจพิจารณาถึงความจำเป็นดังต่อไปนี้
เป็นผู้ป่วยเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ต้องการติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่สะดวกไปโรงพยาบาลบ่อยๆ
ต้องการติดตามผลการรักษาโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง เพื่อการดูแลตนเองได้ดีขึ้น
แพทย์แนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเข้มงวด
การเตรียมตัวก่อนตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM)
งดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด รวมถึงไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอม อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนเจาะเลือด
กรณีตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนมื้ออาหาร และหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง จะมีเกณฑ์ค่าตัวเลขในการพิจารณาผลที่แตกต่างกัน
ขั้นตอนการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM)
ล้างมือให้สะอาดก่อนเจาะเลือดทุกครั้ง
เปิดเครื่อง Blood Glucose Monitoring และตั้งค่าให้ถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน
นวดคลึงปลายนิ้วที่จะทำการเจาะเลือดเพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น โดยทั่วไปมักเจาะเลือดที่ปลายนิ้วกลางหรือนิ้วนาง
ใช้ลำสีชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดบริเวณที่จะทำการเจาะเลือดให้ทั่ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยรอให้แห้งก่อนเจาะเลือด
ใช้อุปกรณ์เจาะเลือดเจาะที่ด้านข้างของปลายนิ้ว
เช็ดเลือดหยดแรกออกก่อนด้วยสำลีแห้ง และใช้เลือดหยดที่สองหยดลงบนแผ่นทดสอบ
นำแผ่นทดสอบใส่เครื่อง Blood Glucose Meter
อ่านผลการทดสอบที่ปรากฏบนจอภาพ โดยบันทึกผลไว้ทุกครั้ง
ประโยชน์ของการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM)
การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องพกพา (BGM) มีประโยชน์หลายด้าน เช่น
ผู้ป่วยไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ จึงประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น จากการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือการใช้ยาให้เหมาะสมกับภาวะหรือค่าน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลานั้นๆ
ช่วยประเมินความเสี่ยง และลดโอกาสการเป็นโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ และการสูญเสียการมองเห็นจากอาการแทรกซ้อนทางตา
เมื่อผู้ป่วยนำบันทึกการตรวจค่าน้ำตาลไปให้แพทย์พิจารณา จะช่วยให้แพทย์มีข้อมูลมากขึ้นในการปรับแผนการรักษา
เกณฑ์การพิจารณาระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อการดูแลรักษา
เกณฑ์การพิจารณาระดับน้ำตาลในเลือดจะใช้หน่วย มิลลิกรัม/เดซิลิตร (Mg/dL) ซึ่งสามารถแปรผลได้ ดังนี้
ระดับน้ำตาลในเลือดระหว่าง 70-100 Mg/dL หมายถึง ภาวะปกติ
ระดับน้ำตาลในเลือดระหว่าง 100-125 Mg/dL หมายถึง มีภาวะเสี่ยง หรือเรียกว่าเป็นเบาหวานแฝง
ระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 Mg/dL หมายถึงมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูง ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
สำหรับผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ดังนี้
ระดับน้ำตาลก่อนรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ให้อยู่ระหว่าง 80-130 Mg/dL
ระดับน้ำตาลหลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชั่วโมง ให้น้อยกว่า 180 Mg/dL
ทั้งนี้ การใช้เกณฑ์ตัวเลขดังกล่าวยังต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเบาหวานเป็นรายบุคคล โดยคำนึงถึงอายุ ระยะเวลาการเป็นเบาหวาน รวมถึงภาวะแทรกซ้อนและโรคร่วมที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ เพื่อการปรับเปลี่ยนอาหาร การออกกำลังกาย และปรับการใช้ยาให้เหมาะสมต่อไป