การตรวจการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่คอ (CIMT) คืออะไร?
CIMT (Carotid Intima-Media Thickness) เป็นการตรวจวัดความหนาตัวของผนังชั้นในและชั้นกลางของหลอดเลือดแดงใหญ่คาโรติด (Carotid Artery) ที่อยู่บริเวณลำคอ โดยใช้หลักการเดียวกันกับการทำอัลตร้าซาวด์ เพื่อประเมินภาวะการตีบตันของหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย และแผลเบาหวาน ซึ่งพบมากในผู้ที่เป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคเบาหวาน
ใครบ้างที่ควรตรวจวัดการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่คอ (CIMT) ?
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ คือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดแดงตีบตัน ดังนี้
มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน
มีคอเลสตอรอลหรือไขมันไม่ดี (LDL) ในเลือดสูง
มีภาวะโรคเบาหวานหรือดื้ออินซูลิน
ที่ระบบการเผาผลาญบกพร่อง
มีอายุมากกว่า 35 ปี และมีประวัติคนในครอบครัวมีภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจ หรืออัมพฤกษ์ อัมพาต
ขั้นตอนการตรวจ CIMT
ผู้เข้ารับการตรวจ CIMT จะอยู่ในนอนหงาย หนุนหมอน จากนั้นผู้ทำการตรวจจะทาเจลบริเวณลำคอ แล้วใช้หัวตรวจกดเบาๆ บริเวณลำคอทีละข้างเพื่อทำการอัลตร้าซาวด์ โดยในขณะตรวจ ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องหันหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับข้างที่ทำการตรวจ การตรวจจะใช้เวลาเพียง 5-10 นาที ภาพที่ได้จากการตรวจจะถูกนำไปวิเคราะห์ผลโดยแพทย์ และสามารถแจ้งผลให้ผู้รับการตรวจทราบได้ทันที หลังตรวจเสร็จผู้เข้ารับการตรวจสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ CIMT
ผู้เข้ารับการตรวจไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร หรืองดยาใดๆ
สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดบริเวณคอ หรืออาจสวมเสื้อผ้าที่ทางโรงพยาบาลเตรียมให้
ไม่สวมเครื่องประดับทุกชนิดบริเวณคอ
การแปรผลและการประเมินผลตรวจ CIMT
การแปรผลการตรวจ CIMT จะดูจากค่าตัวเลข ICA PSV ที่ได้ โดยหาก ICA PSV <125 cm/s และไม่มีก้อนไขมัน ไม่พบความหนาตัวของหลอดเลือด จะถือว่าหลอดเลือดยังอยู่ในภาวะปกติ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 เกณฑ์หลักในการใช้สรุปผล คือ
ค่าความตีบ ICA PSV <50% หรือ ICA PSV <125 cm/s แต่มีก้อนไขมัน (plaque) และหลอดเลือดหนาตัว
ค่าความตีบ ICA PSV = 50-69% หรือ ICA PSV = 125-130 cm/s แต่มีก้อนไขมัน (plaque)
ค่าความตีบ ICA PSV >70% หรือ ICA PSV >230 cm/s แต่มีก้อนไขมัน (plaque) หรือมีท่อหลอดเลือดตีบร่วมด้วย
ซึ่งค่าที่ได้ แพทย์จะประเมินโดยการเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานของคนวัยเดียวกัน เพศเดียวกัน และเชื้อชาติเดียวกันด้วย หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แพทย์จะวางแผนการป้องกัน ด้วยการให้ผู้เข้ารับการตรวจปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและเพิ่มการออกกำลังกาย ลดละเลิกการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือหากจำเป็นอาจจะต้องให้กินยาร่วมด้วย