ท้องโต พุงป่อง ฟังดูอาจเหมือน “ภาวะอ้วนลงพุง” แต่เมื่อไหร่ที่อาการพุงป่องนี้เกิดขึ้นทั้งที่ก็ยังทานปกติ ไม่ได้จัดบุฟเฟ่ต์มื้อหนักบ่อยเป็นพิเศษ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “เนื้องอกรังไข่” ภัยใกล้ตัวที่ผู้หญิงทุกวัยควรระวัง เพราะหากเนื้องอกนั้นคือเนื้อร้ายอย่าง “มะเร็ง” การตรวจพบเร็วและรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะช่วยหยุดการลุกลามของโรค หรือรักษาให้หายได้!!
แยกให้ออก! ระหว่าง “ซีสต์” กับ “เนื้องอกรังไข่”
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า คำว่า “เนื้องอกรังไข่” เป็นคำเรียกกว้างๆ ของก้อนที่เกิดขึ้นที่รังไข่ โดยอาจเป็นก้อนเนื้อตันหรือก้อนเนื้อที่เป็นถุงน้ำ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ...
- ถุงน้ำ (Cyst) เป็นเนื้องอกที่มีลักษณะเป็นถุง และภายในบรรจุของเหลว น้ำ เนื้อเยื่อ หรือไขมัน
- ก้อนเนื้อธรรมดาหรือชนิดไม่ร้ายแรง (Benign)
- ก้อนเนื้อที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง (Malignant)
ท้องป่อง อ้วนลงพุง หนึ่งในสัญญาณเตือน “เนื้องอกรังไข่”
เพราะถุงน้ำหรือก้อนเนื้อมีขนาดโตขึ้น จึงอาจทำให้คนไข้รู้สึกท้องป่อง ท้องโต เหมือนภาวะอ้วนลงพุงได้ แต่หากเมื่อไหร่มีสัญญาณเหล่านี้ร่วมด้วย... นี่อาจไม่ใช่แค่ภาวะอ้วนทั่วๆ ไป
- ปวดท้องน้อย
- ประจำเดือนผิดปกติ
- ท้องอืด รู้สึกแน่นท้อง
- คลำพบก้อนที่หน้าท้อง
- ปัสสาวะบ่อย (กรณีที่ก้อนไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ)
- ท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก (กรณีที่ก้อนไปกดเบียดลำไส้)
- บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน หรือมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะตกเลือดและติดเชื้อได้
การตรวจวินิจฉัยให้รู้! ที่ดูว่าท้องป่อง...เสี่ยงเนื้องอกรังไข่หรือไม่
- ตรวจภายในหรือตรวจทางทวารหนัก
- ตรวจด้วยการอัลตร้าซาวนด์ ผ่านทางหน้าท้องหรือช่องคลอด
- ตรวจโดยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan)
- ตรวจโดยการเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หากตรวจพบเนื้องอกรังไข่...รักษาได้ด้วยวิธีใดบ้าง
- กรณีที่พบว่าเป็น “ถุงน้ำธรรมดา” หรือถุงน้ำที่เกิดจากการทำงานของฮอร์โมนตามรอบเดือน ไม่อันตราย...ไม่จำเป็นต้องรักษา
- กรณีที่พบว่าเป็น “ถุงน้ำผิดปกติ” เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ สามารถรักษาได้หลายวิธีตามขนาดของถุงน้ำ แต่หากไม่รักษาจะส่งผลให้ช็อกโกแลตซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเสี่ยงช็อกโกแลตซีสต์แตกได้
- กรณีที่พบว่าเป็น “ก้อนเนื้อชนิดไม่ร้ายแรง” สามารถรักษาได้ด้วยยาและติดตามอาการว่าก้อนเนื้อยุบลงหรือไม่ แต่หากก้อนเนื้อโตขึ้นหรือมีภาวะแทรกซ้อนจากการบิดขั้วของเนื้องอก มีการแตกของเนื้องอก หรือมีเลือดออก แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัด
- กรณีที่พบว่าเป็น “มะเร็งรังไข่” แพทย์จะผ่าตัดเนื้อร้ายออกร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี
เพราะเนื้องอกรังไข่ไม่มีสาเหตุของโรคที่แน่ชัด การป้องกันที่ดีที่สุดจึงเป็นการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี แต่หากปล่อยปละละเลยการตรวจสุขภาพจนเนื้องอกรังไข่เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือกลายเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็ง การเริ่มต้นรักษาตอนนั้นก็อาจจะสายเกินไป