“มะเร็งตับ” เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง และเนื่องจากมะเร็งตับมีการดำเนินโรคที่รวดเร็วมาก ผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจมักจะเพราะมีอาการผิดปกติหรือโรคลุกลามไปมากแล้ว พอวินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นมะเร็งตับจริง ก็มักเสียชีวิตภายใน 3-6 เดือน!
มะเร็งตับ แบ่งการเกิดได้เป็น 2 ทางใหญ่ๆ คือ “เกิดกับตับโดยตรง” และ “ลุกลามมาจากมะเร็งในอวัยวะอื่นมายังตับ” ซึ่งการเกิดที่ตับโดยตรง มักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงสำคัญ เช่น ผู้ป่วยเคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี เป็นพยาธิใบไม้ในตับ หรือเคยได้รับสารเคมีต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย อย่างยาฆ่าแมลง เกิดการสะสมสารเคมีจากยารักษาโรคบางชนิด หรือแม้กระทั้งการได้รับสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา สารเคมีที่เกิดจากอาหารหมักดอง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงภาวะทุพโภชนาการ ภาวะภูมิต้านทานร่างกายต่ำ หรือสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากอย่างการมีพันธุกรรมเสี่ยง ซึ่งเมื่อรวมปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา หากมีปัจจัยเสี่ยงมากก็มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งตับได้มากเป็นเงาตามตัว
เพราะโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ การตรวจหาความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ คนไข้ส่วนใหญ่มักจะไปพบแพทย์ก็ต่อเมื่อมีอาการลุกลามหลายๆ อย่างแล้ว ดังนี้
เนื่องจากมะเร็งตับ เป็นมะเร็งชนิดที่ลุกลามเร็ว ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจเป็นประจำ โดยผู้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป คือ...
หากกังวลหรือสงสัย สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจ ดังนี้...
การรักษามะเร็งตับทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความรุนแรงของโรค หากผู้ป่วยเป็นโรคตับแข็งในระยะที่การทำงานของตับไม่ดีแล้ว หรืออยู่ในระยะท้ายๆ ของโรคตับแข็ง ซึ่งโรคตับแข็งมักเป็นโรคที่มาควบคู่หรือคนไข้ โดยมักเป็นมาก่อนการเป็นมะเร็งตับเสียอีก เมื่อเป็นดังนั้นการรักษามะเร็งตับก็จะพบข้อจำกัด นอกจากนี้ขนาดของมะเร็งตับและการแพร่กระจายของมะเร็งก็มีความสำคัญในการวางแผนการรักษาด้วย ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาโรคตับที่เป็นอยู่เดิมพร้อมกับการรักษามะเร็งตับ หรือบางรายอาจเน้นไปที่การรักษามะเร็งตับโดยตรงก่อน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
แนวทางรักษามะเร็งตับ มีหลายวิธี ดังนี้...
เพราะเราไม่รู้ว่าโรคร้ายต่างๆ จะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ สำหรับใครที่รู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง หรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ มีไวรัสตับอักเสบอยู่ในร่างกายก็ควรลดปัจจัยเสี่ยงด้วยการงดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพยายามอย่าเครียด เมื่อมีโอกาสก็ควรเข้ารับการตรวจเพื่อคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งตับอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาเริ่มต้นได้ทันทีหากพบความผิดปกติ