ทำความรู้จัก โรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina) โรคติดต่อเชื้อไวรัสที่เป็นอันตรายกับลูกน้อย.

ทำความรู้จักโรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina) โรคติดต่อเชื้อไวรัส ที่เป็นอันตรายกับลูกน้อย
โรคเฮอร์แปงไจนา (Herpangina)เป็น โรคติดต่อเชื้อไวรัส ที่มักระบาดในช่วง ฤดูฝน และพบบ่อยใน เด็กอายุ 2 ถึง 10 ปี แม้จะพบได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบมากใน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีโรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายในสถานที่ที่มีเด็กๆ อยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน และ สถานรับเลี้ยงเด็ก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นสิ่ง สำคัญ สำหรับ ผู้ปกครอง



เฮอร์แปงไจนาเกิดจากอะไร เชื้อไวรัสและการแพร่เชื้อ

โรคเฮอร์แปงไจนา เกิดจาก เชื้อไวรัส ในกลุ่ม คอกซากีไวรัสกรุ๊ปเอ (Coxsackie viruses A sero type 1 – 10, 16 และ 22) และ เอ็นเทอร์โรไวรัส (Enterovirus)

โรคนี้แพร่เชื้อ ผ่านทาง:
  • น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ
  • อุจจาระ
  • การแพร่เชื้อที่ปนเปื้อนมาในน้ำ อาหาร ภาชนะ มือ ของเล่น โต๊ะเก้าอี้ วัสดุต่างๆ ผ่านเข้าทางปาก
ไวรัสกลุ่มนี้ มี ศักยภาพสูง ใน การก่อโรค การได้รับเชื้อเพียงแค่ 10-100 ตัวก็สามารถเกิด การติดเชื้อ ได้



อาการของโรคเฮอร์แปงไจนา สัญญาณที่พ่อแม่ต้องสังเกต

อาการของโรคเฮอร์แปงไจนา แตกต่างกันไปใน เด็กแต่ละคน ที่พบบ่อยคือ:
  • มีไข้แบบเฉียบพลัน: ได้รับ ยาลดไข้ แล้วอาการไม่ดีขึ้น และอาจมี ไข้สูง 40 องศา เด็กบางคน อาจมี อาการชักจากไข้สูง
  • กลืนลำบาก: ทำให้ ปฏิเสธอาหาร เบื่ออาหาร น้ำลายไหล และอาจ อาเจียน ด้วย
  • เด็กเล็ก จะมีอาการ ซึม งอแง
  • เด็กโต มักพบ อาการเจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดคอ
  • อาจพบมี ภาวะร่างกายขาดน้ำ: เช่น ริมฝีปากแห้ง ตาโหล ร้องไห้ไม่มีน้ำตา ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย
  • พบแผลในปาก: เป็น แผลเล็กๆ หลายแผล บริเวณ เพดานอ่อน ต่อมทอนซิล ผนังคอด้านหลัง ลักษณะของ แผล ที่พบจะเกิดใน 2 วันหลัง การติดเชื้อ โดย แผล มีขนาด 2-4 มิลลิเมตร สีขาวหรือเทาอ่อนมีขอบแดง
โรคมือ เท้า ปาก vs เฮอร์แปงไจนา
ความแตกต่าง ที่ผู้ปกครองควรรู้

แม้ว่า โรคมือ เท้า ปาก และ เฮอร์แปงไจนา เกิดจากการ ติดเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกัน แต่ อาการแสดง แตกต่างกัน:
  • โรคมือ เท้า ปาก: มี ไข้ มีผื่น ตุ่มน้ำใสหรือเม็ดแดงๆ ในปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางรายอาจมี อาการอาเจียน ถ่ายเหลวรุนแรง ร่างกายขาดน้ำ ปอดบวมน้ำ หอบเหนื่อย ซึม ชัก เกร็ง ช็อกเสียชีวิต
  • โรคเฮอร์แปงไจนา: จะไม่พบ ผื่นบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า จะสังเกต อาการของโรคนี้ ได้ค่อนข้างลำบากในช่วงแรก ต่อเมื่อเริ่มมี ผื่นขึ้น คออักเสบ จึงจะสามารถสังเกต อาการ ได้ บางรายอาจพบเพียง ผื่นและแผลตื้นๆ กรายๆ ใน ช่องปาก เท่านั้น
  • สิ่งสำคัญที่ต้องระวัง: หากเด็กมี ไข้สูง ได้ ยาลดไข้ แล้วอาการไม่ดีขึ้น ไม่ยอมดื่มน้ำ นม หรือรับประทานอาหารไม่ได้ หายใจหอบ มี อาการแขนขาอ่อนแรง หรือ ชัก ผู้ปกครอง ควรรีบพาเด็กมาพบ แพทย์ โดยเร็วที่สุด
การรักษาโรคเฮอร์แปงไจนา เน้นบรรเทาอาการ
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่จะรักษา โรคเฮอร์แปงไจนา โดยตรง โรคนี้สามารถหายเองได้ภายใน 7-10 วัน มีวิธีการ รักษาตามอาการ ดังนี้:
  • หากมี ไข้: เช็ดตัว จนกว่า ไข้ จะลดลง ให้ ยาลดไข้พาราเซตามอล หรือให้ ไอบูโปรเฟน เพื่อลดความเจ็บปวดจาก ผื่นแผลในปาก
  • ให้ เด็ก จิบ ดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ หรือดื่ม นมเย็น ที่มีรสไม่หวานมาก
  • ให้ อาหารจืด อ่อน ย่อยง่าย
  • หาก ไข้ขึ้นสูง และ เด็ก ไม่ยอมรับประทานอะไรเลย ควรพาไปพบ แพทย์
  • แพทย์ อาจใช้ ยาที่มีส่วนผสมของยาชา เพื่อลด อาการคออักเสบ

การป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา สุขอนามัยคือหัวใจสำคัญ

วิธี ป้องกัน ที่ดีที่สุดคือ:
  • ล้างมือให้สะอาด ด้วย น้ำสบู่ และ น้ำสะอาด
  • ระวังการสัมผัส น้ำลาย น้ำมูก ข้าวของเครื่องใช้ ของเด็กที่เป็นโรค รวมถึง ของเล่นต่างๆ ด้วย
  • หากเด็กป่วย ให้ งดไปโรงเรียน 7 วัน
  • ไม่ควรนำ เด็กเล็ก ไปใน ชุมชน พื้นที่สาธารณะ ที่มีคนอยู่จำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า ในช่วงที่มี การระบาด

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง โทร 0-2818-9000
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง