รู้หรือไม่? ในช่วงหน้าฝน ดินและน้ำขังอาจซ่อนเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงที่ชื่อว่า Burkholderia pseudomallei
โรคนี้รู้จักกันในชื่อ “ไข้ดิน” หรือ “เมลิออยโดสิส” (Melioidosis) เป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรง พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ของไทย
ไข้ดิน ติดต่อได้อย่างไร?
เชื้อนี้พบมากในดินและน้ำ โดยเฉพาะหลังฝนตก การติดเชื้อเกิดขึ้นได้ 3 ทางหลัก
- ทางบาดแผล: สัมผัสดินหรือน้ำโดยมีแผล
- ทางหายใจ: สูดฝุ่นละอองจากดินที่มีเชื้อ
- ทางรับประทาน: ดื่มน้ำหรือกินอาหารที่ปนเปื้อน
กลุ่มเสี่ยงและอาการที่ควรระวัง
ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับดินและน้ำ เช่น เกษตรกร และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตเรื้อรัง มีความเสี่ยงสูง อาการที่ควรสังเกต ได้แก่
- ไข้สูงเฉียบพลัน
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ไอ เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
- ฝีหนองที่ผิวหนัง หรืออวัยวะภายใน
- ติดเชื้อในกระแสเลือด อาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตเร็ว
สถานการณ์ล่าสุดในไทย
ปี 2568 พบผู้ป่วยไข้ดินกว่า 2,000 ราย เสียชีวิต 92 ราย (ข้อมูล: กรมควบคุมโรค) กลุ่มเสี่ยงสูงสุดคือผู้ที่สัมผัสดินน้ำเป็นประจำ และผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ
ป้องกันอย่างไร?
- สวมรองเท้าบูท ถุงมือยางเมื่อลุยดินน้ำ
- ดูแลแผลให้สะอาดและปิดพลาสเตอร์กันน้ำ
- ล้างมือ ล้างเท้าด้วยสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสดินน้ำ
- หากมีไข้สูงหรือฝีหนองหลังลุยน้ำ รีบพบแพทย์ แจ้งประวัติสัมผัสดินน้ำ
- ไม่ควรซื้อยาทานเอง เนื่องจากโรคนี้ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะฉีดในโรงพยาบาลอย่างน้อย 2 สัปดาห์
โรคไข้ดินเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเราระมัดระวังและดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสม หากท่านมีอาการผิดปกติหลังสัมผัสดินหรือน้ำขัง หรือสงสัยว่าตัวเองอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
บทความโดย
นพ.ศุภวิชญ์ สมิทธิเศรษฐ์
แพทย์อายุรกรรม สาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
โทร. 02 1500 900 ต่อ 5113
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล เกษตร
Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset