-
เบาหวานขึ้นตา ป้องกันรักษาก่อนตาบอดด้วยการตรวจสุขภาพตา
โรคเบาหวาน เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบมากในคนไทย คือพบมากถึง 4.8 ล้านคน และมีอัตราการเสียชีวิตมากถึง 200 รายต่อวัน ทั้งจำนวนผู้ป่วยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีการคาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2583 ตัวเลขผู้ป่วยเบาหวานอาจพุ่งถึง 5.3 ล้านคน
เบาหวานเป็นโรคที่มีความรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นบ่อเกิดของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดในทุกอวัยวะ และนำไปสู่หลายโรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคเกี่ยวกับปลายประสาท ปลายเท้าชา ดังนั้น ผู้ที่เป็นเบาหวานทุกคนต้องมีการติดตามอาการและเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพราะหากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทำได้ไม่ดี โรคก็จะลุกลามและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่ดวงตา ซึ่งเรียกกันว่า “โรคเบาหวานขึ้นตา” นั่นเอง
มารู้จักกับสาเหตุของ “เบาหวานขึ้นตา”
เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีพอ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจึงส่งผลให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดหรือสารน้ำอื่นๆ รั่วไหลเข้าสู่จอตาและทำให้เกิดความเสียหายกับจอตา (Retina) จนกระทั่งทำให้มีเลือดออกบริเวณจอรับภาพในเลนส์ตา เลนส์ตาจึงบวมขึ้น อาการที่ผู้ป่วยจะรู้สึกได้คือ ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ซึ่งหากไม่รีบรักษาอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรหรือตาบอดได้นั่นเอง
ปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้เกิดเบาหวานขึ้นตา
นอกจากการไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีแล้ว การมีภาวะความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง รวมถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตาได้ง่ายขึ้น
อาการของ...เบาหวานขึ้นตา
หากเป็นเบาหวานขึ้นตาในระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จึงทำให้อาการเบาหวานขึ้นตาลุกลามไปสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น ซึ่งมักปรากฏอาการดังนี้
ระยะและความรุนแรงของเบาหวานขึ้นตา
ความรุนแรงของเบาหวานขึ้นตา แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
เบาหวานขึ้นตา รักษาได้ตามอาการที่พบ
ในระยะที่โรคยังไม่รุนแรงมากนัก การดูแลรักษาอาจเป็นการตรวจติดตามโดยจักษุแพทย์เป็นระยะๆ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ร่วมกับการรักษาภาวะหรือโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิต หรือไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แต่หากเริ่มเข้าสู่ในระยะที่รุนแรง จะต้องดูถึงสาเหตุและอาการร่วมด้วย โดยอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการเลเซอร์ที่จอประสาทตา เพื่อให้เส้นเลือดที่ผิดปกติเหล่านั้นฝ่อไป เป็นการยับยั้งไม่ให้ตัวโรคดำเนินไปสู่ระยะที่รุนแรงมากขึ้น หรือหากตรวจพบว่ามีจุดรับภาพชัดหรือจอประสาทตาบวมน้ำ อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าไปในตา หรือเมื่อตรวจพบว่ามีพังผืด จอประสาทตาลอก หรือจอประสาทตาฉีกขาด อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ลดพฤติกรรมเสี่ยง เลี่ยงเบาหวานขึ้นตา
ตรวจวินิจฉัย คัดกรองเบาหวานขึ้นตา
ผู้ป่วยเบาหวานควรได้รับการตรวจตาและขยายม่านตาตรวจจอตาแม้ไม่มีอาการผิดปกติทางการมองเห็น เพื่อคัดกรองเบาหวานขึ้นตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง กรณีที่พบเบาหวานขึ้นตาแพทย์อาจพิจารณาให้ทำการรักษาหรือนัดตรวจตาถี่ขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับระยะของเบาหวานขึ้นตาและความรุนแรงของโรค
เพราะโรคเบาหวานขึ้นตา จะไม่แสดงอาการผิดปกติที่เด่นชัดในระยะแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงชะล่าใจ กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานขึ้นตา อาการตามัวก็รุนแรงแล้ว ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานทุกคนควรเข้ารับการตรวจคัดกรองสุขภาพตา หรือหากไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน หรือไม่เคยตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน หากเริ่มมีอาการที่น่าสงสัยทั้งโรคเบาหวาน และสุขภาพตา ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
“เพราะดวงตา คืออวัยวะสำคัญในการดำเนินชีวิต”
บทความโดย
แพทย์หญิงพรทิพา เจริญจิตรวัฒนา
แพทย์ประจำสาขาจักษุทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ