เทคนิคพัฒนา IQ & EQ เพื่อพัฒนาการลูกน้อย
IQ และ EQ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาการของลูกน้อยที่คุณพ่อและคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ โดย IQ และ EQ เป็นความฉลาดในด้านต่างๆ ซึ่งหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง...ย่อมทำให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปอย่างไม่เต็มศักยภาพ
IQ คือ Intelligence Quotient หรือ ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา
คำนี้ได้รับการคิดค้นขึ้นโดย LM Terman เมื่อปี 1916 โดยหมายถึง ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา โดยเฉพาะในเรื่องการคิด ความจำ การใช้เหตุผล การคำนวณ และการเชื่อมโยง ซึ่งเป็นศักยภาพหรือความสามารถทางสมองที่แต่ละบุคคลมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด โดยถูกกำหนดจากพันธุกรรม จึงเปลี่ยนแปลงได้ยาก
EQ คือ Emotional Quotient หรือ ความฉลาดทางอารมณ์
ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น รวมถึงความสามารถทางอารมณ์ในการดำเนินชิวิตอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข การรู้จักความฉลาดทางอารมณ์ของตนเองก็เพื่อการพัฒนาและการใช้ศักยภาพของตนเองในการดำเนินชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว ชีวิตการทำงานและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ
EQ สอนกันได้หรือไม่?
EQ เป็นเรื่องที่สอนให้เกิดขึ้นได้ และสามารถฝึกฝนให้ลูกของเรามี EQ ดีขึ้นหรือสูงขึ้นได้ แต่ IQ เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด โดยได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นเท่าที่ศักยภาพของเด็กมีอยู่
การเสริมสร้าง IQ & EQ ทำได้อย่างไร?
มนุษย์เรามีศักยภาพตั้งแต่แรกเกิด และสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ช่วงเวลาที่สมองของมนุษย์เราจะพัฒนาได้ดีที่สุดก็คือในระยะ 3 ปีแรก หลังจากนั้นสมองก็ยังคงพัฒนาไปได้เรื่อยๆ จนถึงวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม... มนุษย์สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ซึ่งการเสริมสร้าง IQ และ EQ นั้น มีวิธีการที่หลากหลาย เช่น
• การให้อาหารกาย อาหารใจ และอาหารสมอง ซึ่งก็คือ นมแม่ จากงานวิจัยพบว่า เด็กที่ได้ดื่มนมแม่เป็นประจำจะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ได้รับนมผสม เมื่อลูกร้องหิว แล้วคุณพ่อคุณแม่พูดว่า “รออีกนิดนะจ๊ะ” ลูกจะรู้จักการรอคอยเวลาให้นมหรืออาหาร อารมณ์ของพ่อแม่สามารถสื่อถึงลูกได้ หากพ่อแม่อารมณ์ดี ลูกจะรู้สึกผ่อนคลาย การให้เด็กฝึกทานอาหารเองเมื่อถึงวัยก็เป็นการสร้างเสริมความภูมิใจที่สามารถทำอะไรๆ เองได้ เด็กจะมีความมั่นใจเกิดขึ้น
• การสัมผัสและโอบกอด ความรัก ความอบอุ่นเวลาที่ได้รับการกอด สัมผัสลูก ทำให้ฮอร์โมนความสุขหลั่งออกมาจากสมองและกระตุ้นเส้นใยสมองให้เชื่อมโยงกัน มีผลต่อความฉลาด การกอดทำให้เด็กรู้สึกมีคุณค่า ทำให้เด็กมีความไว้วางใจ มองโลกในแง่ดี ภูมิใจในตนเอง
• เล่านิทาน ร้องเพลงให้ฟัง ทำให้เส้นประสาทในสมองของเด็กเพิ่มมากขึ้น เชื่อมโยงกัน ทำให้เด็กเรียนรู้ได้ไว การฟังคนพูดช่วยพัฒนาสมองด้านภาษานำไปสู่การพัฒนาการด้านสติปัญญาและสังคม รับรู้และเข้าใจคนอื่นผ่านการสื่อสาร นิทาน ดนตรี การร้องเพลงยังช่วยส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งนิทานยังปลูกฝังคุณธรรมได้อีกด้วย
• การเล่น การออกกำลังกาย ทำให้สมองและร่างกายทุกส่วนตื่นตัว พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้อารมณ์ดี กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งการเล่นร่วมกับเด็กอื่นๆ เป็นการพัฒนาทักษะทางสังคม การอยู่ร่วมกัน การรอคิว เรียนรู้การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
• นอนหัวค่ำ ตื่นแต่เช้า ควรปลูกฝังให้เด็กมีวินัยในชีวิตประจำวัน เช่น กิน นอน ขับถ่ายเป็นเวลา โดยเฉพาะการนอนให้เพียงพอจะมีผลต่อสมาธิ และการเรียนรู้ รวมถึงการพัฒนาด้านอารมณ์
• ระวังอุบัติเหตุและสารพิษ ระวังการกระทบกระเทือนแรงๆ บริเวณสมอง การได้รับสารพิษ เช่น ปรอท ตะกั่ว เพราะจะทำลายเซลล์สมองทำให้การเรียนรู้ลดลงไปด้วย
บทความโดย
แพทย์หญิงภาวิณี ธีรการุณวงศ์
กุมารเวชกรรมสาขาพัฒนาการและพฤติกรรม
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม
แผนก กุมารเวชกรรม อาคาร 1 ชั้น 2
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร 02-363-2000 ต่อ 2209-2210
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : Paolo Hospital Samutprakarn
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn