-
ไข้หวัดใหญ่ติดต่อง่าย แต่ป้องกันได้ไม่ยาก
โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
25-ก.พ.-2568
ไข้หวัดใหญ่ติดต่อง่าย แต่ป้องกันได้ไม่ยาก

หากคุณเคยเจออาการเหล่านี้ บางทีคุณอาจไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่อาจเป็น “ไข้หวัดใหญ่” โรคที่ดูเหมือนจะคล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่แท้จริงแล้วมันรุนแรงกว่ามาก และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นเสียชีวิต




 

ไข้หวัดใหญ่ปล่อยไว้ น่ากลัวอย่างไร?

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสอยู่ โรคนี้ไม่ใช่แค่หวัดธรรมดา แต่สามารถทำให้เกิดอาการที่รุนแรงและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ หรือแม้กระทั่งหัวใจอักเสบ โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่มักพบใน 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A : เป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุดและทำให้เกิดการระบาดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B : มักพบในเด็กและแพร่กระจายในชุมชน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C : ไม่รุนแรงมากและพบได้น้อย

 

ไข้หวัดใหญ่ติดต่อง่ายกว่าที่คิด!

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายได้หลายช่องทาง ทำให้เชื้อไวรัสตัวนี้สามารถติดต่อกันได้รวดเร็วและเป็นวงกว้าง อีกทั้งไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้นาน หลายชั่วโมง ทำให้เราติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว หากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้อง

  • ละอองฝอยจากการไอหรือจาม เมื่อสูดอากาศที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป
  • การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ หรือโทรศัพท์มือถือ
  • การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย การจับมือ หรือใช้สิ่งของร่วมกัน

 


อาการของไข้หวัดใหญ่ที่ควรระวัง

อาการของไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป ได้แก่

  • ไข้สูง (38-40°C) หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
  • ไอแห้ง น้ำมูกไหล เจ็บคอ
  • ปวดศีรษะ เวียนหัว
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย (พบบ่อยในเด็ก)

สำหรับบางคน อาการอาจหายไปเองใน 7-10 วัน แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงจนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล

 

ใครบ้างที่เสี่ยงอาการรุนแรง?

แม้ไข้หวัดใหญ่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปที่หากเป็นแล้วอาจพบกับอาการที่รุนแรง ได้แก่

  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง
  • ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) ที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  • หญิงตั้งครรภ์ ที่ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยนแปลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

สำหรับคนในกลุ่มเสี่ยง ไข้หวัดใหญ่สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ จึงควรได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม

 


ไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันไข้หวัดใหญ่คือ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงเวลาไม่นาน จึงเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน

 

ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี?

  • เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ ทำให้วัคซีนต้องมีการปรับปรุงทุกปี
  • วัคซีนช่วยให้ร่างกายสร้าง ภูมิคุ้มกันที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาด
  • แม้ได้รับเชื้อ อาการจะเบาลงและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ดีกว่าอย่างไร?

ปัจจุบันมี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent Vaccine) ซึ่งครอบคลุมเชื้อไวรัสที่คาดว่าจะระบาดได้ดีกว่าวัคซีนรุ่นเก่า ลดโอกาสเจ็บป่วย และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง

 


วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่

  1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์
  2. สวมหน้ากากอนามัย ในที่แออัด หรือเมื่อมีอาการป่วย
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะตา จมูก และปาก
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  5. กินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนคุณภาพดี

 

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและอาจมีอาการรุนแรง แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการ ฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี และดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยรักษา เพราะการป้องกันไว้ย่อมดีกว่า



บทความโดย

นายแพทย์ณัฐวุฒิ สุมาลัย 
แพทย์ประจำสาขาอายุรกรรม
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
แผนก อายุรกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โทร. 02-363-2000 ต่อ 2390-2393
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดี ๆ ได้ที่
Line official account : Paolo Hospital Samutprakarn