การตรวจอัลตร้าซาวด์ Ultrasound ช่องท้อง
โรงพยาบาลเปาโลพระประแดง
17-ก.ค.-2560
เป็นการตรวจวินิจด้วยคลื่นความถี่สูงนำมาใช้ประโยชน์ในการตรวจอวัยวะต่างๆของร่างกาย

ข้อบ่งชี้ในการตรวจอัลตร้าซาวด์

  • ดูความผิดปกติทั่วๆไปเช่น นิ่วในไต นิ่วในถุงน้ำดี ก้อนเนื้อในตับ เป็นต้น
  • ติดตามดูความเปลี่ยนแปลงของรอยโรคเพื่อยืนยันการตรวจอื่นๆ ว่าพบก้อนเนื้อ
  • ก้อนเนื้อที่พบเป็นก้อนเนื้อประเภทใด เป็นส่วนของอวัยวะใด หรือติดต่ออวัยวะใดบ้าง

ข้อจำกัดของการอัลตร้าซาวด์

  • อัลตร้าวซาวด์ไม่สามารถใช้การตรวจอวัยวะส่วนที่มีลมได้ เช่น ปอด กระเพาะอาหาร เป็นต้น
  • อัลตร้าซาวด์ไม่สามารถใช้ตรวจอวัยวะที่เป็นกระดูกได้
  1. การตรวจอวัยวะในช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen) เป็นการตรวจดูอวัยวะของช่องท้องส่วนบนได้แก่ ตับ ตับอ่อน ม้าม ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ไต และช่องท้องทั่วไป ตลอดจนเส้นเลือดต่างๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีก้อนที่ผิดปกติ นิ่วในไต หรือนิ่วที่ถุงน้ำดีเป็นต้น
ขั้นตอนการเตรียมตัว ผู้ป่วยต้องงดอาหาร และเครื่องดื่มที่มีไขมันทุกชนิดประมาณ 4-6 ชม.ก่อนตรวจ (สามารถดื่มน้ำเปล่าได้) เพราะถ้ารับประทานอาหารถุงน้ำดีจะหดตัว ทำให้เห็นถุงน้ำดีไม่ชัดเจน
  1. การตรวจอวัยวะในช่องท้องส่วนล่าง (Ultrasound Lower Abdomen) เป็นการตรวจดูอวัยวะของช่องท้องส่วนล่าง ได้แก่ มดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะ ไส้ติ่ง และบริเวณช่องท้องส่วนล่างอื่นๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่เช่น ถุงน้ำรังไข่ ก้อนเนื้อในมดลูก ไส้ติ่งอักเสบ เป็นต้น
ขั้นตอนการเตรียมตัว ผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำเปล่าได้และต้องกลั้นปัสสาวะไว้ ทั้งนี้เพราะลมในลำใส้จะบังมดลูกและรังไข่ในผู้หญิง หรือบังต่อมลูกหมากในผู้ชาย ทำให้ไม่สามารถเห็นอวัยวะได้ชัดเจน เมื่อกระเพาะปัสสาวะมีน้ำเต็ม ก็จะช่วยดันลำไส้ออกไป ทำให้เห็นมดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมากหรือนิ่วในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
  1. การตรวจอวัยวะในช่องท้องทั้งหมด (Ultrasound Whole Abdomen) เป็นการตรวจดูอวัยวะในช่องท้องทั้งหมด เช่น ตับ ตับอ่อน ม้าม ถุงน้ำดี ไต มดลูก รังไข่ ต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะ ไส้ติ่ง เป็นต้น
ขั้นตอนการเตรียมตัว ผู้ป่วยต้องงดอาหาร และเครื่องดื่มที่มีไขมันทุกชนิด ประมาณ4-6 ชั่วโมง (สามารถดื่มน้ำเปล่าได้) พร้อมกลั้นปัสสาวะเอาไว้ เพราะจะสามาถมองเห็นอวัยวะในช่องท้องทั้งหมดได้อย่างชัดเจน **กรณีที่แพทย์สงสัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบห้ามผู้ป่วยดื่มน้ำและรับประทานอาหารทุกชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์