โรคมือเท้าปาก - เชื้อไวรัสอันตรายระบาดในเด็กที่ควรระวัง

โรคมือเท้าปาก ภัยร้ายใกล้ตัวเด็ก ที่พ่อแม่ต้องรู้ทันและป้องกัน
ร่างกายของ เด็ก นั้นบอบบางและ ระบบภูมิคุ้มกัน ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เมื่อสัมผัสกับ เชื้อโรค ต่างๆ รวมถึง เชื้อไวรัส ก็มักจะป่วยหรือมี อาการ ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ด้วยธรรมชาติของ เด็ก ที่มักสัมผัสสิ่งของรอบตัวโดยไม่ระมัดระวัง และ เชื้อโรค จำนวนมากยังแพร่ผ่าน ระบบทางเดินหายใจ ได้ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับ สุขอนามัย ของ เด็ก เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่รวมกลุ่มกัน หรือในที่ที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก

โดยเฉพาะใน ฤดูฝน ที่มักมีการระบาดของ โรคติดเชื้อ ที่ติดต่อระหว่างคนสู่คนผ่านการไอ จาม หรือสัมผัส เช่น โรคมือเท้าปาก, ไข้หวัด, ไข้ไวรัส RSV, ปอดบวม และ หลอดลมอักเสบ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาใจใส่และดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากพบ อาการผิดปกติ ควรรีบพาไป พบแพทย์ ทันที

โรคมือเท้าปาก ติดต่อง่าย พบได้ตลอดปี

โรคมือเท้าปาก (Hand Foot Mouth Disease) เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายจากการติดเชื้อ ไวรัสในลำไส้ หรือ เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ของคนเรา ทารกและเด็กเล็ก มีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่ายและมักมี อาการรุนแรง กว่าใน เด็กโต ในประเทศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย จะพบการระบาดได้ตลอดทั้งปี แต่จะระบาดมากในช่วง ฤดูฝน กลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็น เด็กทารก และ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มักพบการระบาดใน สถานรับเลี้ยงเด็ก และ โรงเรียนอนุบาล

โรคมือเท้าปากติดต่อกันทางไหนได้บ้าง?
เชื้อสามารถติดต่อได้จากการสัมผัส น้ำลาย, น้ำมูก, เสมหะ, อุจจาระ และ น้ำในตุ่มพอง ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่มีการรับเชื้อเข้าทางปากโดยตรง ส่วนน้อยรับเชื้อทางการหายใจ แต่บางครั้งก็อาจติดมากับ มือ, ของเล่น, การไอจามรดกัน รวมถึงการใช้ภาชนะรับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อได้รับเชื้อ จะเริ่มแสดง อาการเจ็บป่วย ภายใน 3-6 วัน

วัคซีนโรคมือเท้าปาก ทางเลือกในการป้องกัน
ปัจจุบัน เราสามารถ ป้องกัน และลดความเสี่ยงการเป็น โรคมือเท้าปาก ได้ด้วย วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก ซึ่งเป็น วัคซีน ที่ผลิตมาเพื่อต้านเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) ซึ่งเป็นเชื้อที่อาจทำให้ผู้ป่วยมี อาการรุนแรง และเกิดภาวะสมองอักเสบได้
วัคซีน
ชนิดนี้มีข้อมูลด้านความปลอดภัยดีเยี่ยม และยังไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง อายุที่เหมาะสม ในการฉีดคือ เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี


อาการต้องสงสัยของโรคมือเท้าปาก

ผู้ปกครองควรสังเกต อาการ เหล่านี้ในบุตรหลาน:
  • มีไข้ติดต่อกัน 2-4 วัน
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
  • เจ็บภายในปากและคอ
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบ บริเวณลิ้น เหงือก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือก้น
  • ต่อมา ผื่น จะกลายเป็น ตุ่มใส มีขอบแดง และแตกออก
โดยทั่วไป โรคมือเท้าปาก มักมี อาการไม่รุนแรง และหายได้เอง แต่หากเกิด ภาวะแทรกซ้อน อาการ อาจรุนแรงจนถึงขั้น เสียชีวิต ได้ โดยเฉพาะใน เด็กเล็ก หรือ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ภาวะขาดน้ำ (จากการไม่สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้), ก้านสมองอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, อัมพาต, กล้ามเนื้ออ่อนแรง, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ดังนั้น หากผู้ปกครองสังเกตเห็นว่า เด็ก มี อาการซึมลง, ไม่ยอมรับประทานอาหารและน้ำ, อาเจียนบ่อย, มี อาการเหนื่อย ควรรีบพาไป พบแพทย์ ทันที

ภาวะแทรกซ้อนของโรคมือเท้าปาก
  • การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน: จากการเกาทำให้เกิด ตุ่มหนอง หรือ พุพอง
  • ภาวะขาดน้ำ: เนื่องจากเจ็บแผลในปากทำให้ดื่มน้ำได้น้อย
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ: ในบางราย
  • ภาวะรุนแรงจากเชื้อ EV71: พบได้น้อยแต่เป็นอันตรายสูง โดยมักทำให้เกิด ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท, ระบบหัวใจ และ ปอด ได้แก่ สมองอักเสบ, อัมพาต, กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก, ภาวะปอดบวมน้ำ (Pulmonary edema) หรือเลือดออกในปอด, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) ซึ่งอาจรุนแรงถึง เสียชีวิต ได้
  • ภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อค็อกแซคกีเอชนิด 16: เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ, เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และ ภาวะช็อก แต่พบน้อยกว่าเชื้อ EV71 มาก
ข้อควรระวัง: อาการแทรกซ้อน ไม่สัมพันธ์กับจำนวนแผลในปากหรือตุ่มที่พบตามฝ่ามือฝ่าเท้า ผู้ปกครองจึงควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แม้ว่า ผื่น และแผลในปากจะหายไปแล้วก็ตาม หากมี สัญญาณเตือน ของ ภาวะแทรกซ้อน ควรรีบพาไป พบแพทย์ ทันที

สิ่งที่ควรทำเมื่อพบอาการต้องสงสัยและการรักษาโรคมือเท้าปาก
สิ่งที่ควรทำเมื่อพบอาการต้องสงสัย
  • รักษาความสะอาด: อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แปรงฟันเช้าเย็น
  • ตัดเล็บให้สั้น: เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • ล้างมือบ่อยๆ: ด้วย น้ำและสบู่ โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย และก่อนรับประทานอาหาร
  • ทำความสะอาดของเล่นและเครื่องใช้เด็ก: ด้วยการซัก ล้าง และผึ่งแดดให้แห้ง
  • ป้อนนมเด็กอ่อน: อาจต้องป้อนนมแทนการดูดจากขวด หากมีแผลในปาก
การรักษาโรคมือเท้าปาก
ปัจจุบัน โรคมือเท้าปาก ยังไม่มี ยาต้านไวรัส ที่จำเพาะเจาะจง แต่สามารถ รักษาตามอาการ ได้แก่:
  • ยาลดไข้, ยาแก้ปวด, ยาชาแก้เจ็บแผลในปาก
  • เช็ดตัวเพื่อลดไข้ เป็นระยะๆ
  • ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ และ ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยการขาดน้ำ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในกรณีที่จำเป็น
  • ดื่มน้ำและน้ำผลไม้บ่อยๆ
  • นอนพักผ่อนให้มากๆ
  • ในกรณีที่ เด็ก มี อาการรุนแรง หรือมี ภาวะแทรกซ้อน ต้องอยู่ภายใต้ การดูแลของแพทย์ อย่างใกล้ชิด
แม้ส่วนใหญ่ โรคมือเท้าปาก มักมี อาการไม่รุนแรง และไม่มี ภาวะแทรกซ้อน สามารถหายได้เองใน 7-10 วัน แต่ เชื้อไวรัส บางชนิด เช่น เอนเทอโรไวรัส 71 อาจทำให้มี อาการรุนแรง ได้ จึงควรดูแล เด็ก อย่างใกล้ชิด หากพบมี ไข้สูง, ซึม, ไม่ทานอาหาร, ไม่ดื่มน้ำ, อาเจียนบ่อย, หอบ, แขนขาอ่อนแรง, ชัก ต้องรีบพา เด็ก ไป โรงพยาบาล ทันที เพราะอาจเกิด ภาวะสมองอักเสบ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือ น้ำท่วมปอด ซึ่งรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิต ได้

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
คลินิกโรคภูมิแพ้สำหรับเด็ก ,คลินิกทันตกรรมสำหรับเด็ก
ศูนย์กุมารเวชกรรม 24 ชั่วโมง

โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง
โทร. 02 818 9000 ต่อ 107 , 108


รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง
เพิ่มเพื่อน