รู้ทันภูมิแพ้ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง กับ การเจาะเลือดตรวจหาสารแพ้ ต่างกันอย่างไร
โรงพยาบาลเปาโลพระประแดง
05-ก.พ.-2567
การทดสอบหาสารก่อภูมิแพ้ เป็นการวินิจฉัยและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่สามารถทำให้ทราบว่าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด ซึ่งการทดสอบมีด้วยกัน 2 วิธี คือ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin prick test) และ การตรวจเลือด Specific IgE เพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ เช่น เกสรพืช เชื้อรา ไรฝุ่น ขน หรือ รังแคสัตว์เลี้ยง แมลงสาบ อาหาร หรือยา

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง Skin Prick Test   


สามารถทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาที ด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง รวดเร็ว ไม่เจ็บ ราคาถูกกว่าการเจาะเลือด (ในผู้ป่วยที่เป็นผื่นผิวหนังอักเสบทั่วตัว เด็กเล็กมากๆ และสตรีมีครรภ์ ไม่แนะนำให้ทำการทดสอบด้วยวิธีนี้)

ขั้นตอนการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
  1. ทำความสะอาดผิวหนังที่จะทดสอบ (ท้องแขนหรือหลัง)
  2. หยดน้ำยาซึ่งสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ลงบริเวณที่จะทดสอบ
  3. ใช้ปลายเข็ม Sterile สะกิดเบาๆ ที่ชั้นหนังกำพร้าโดยไม่ให้มีเลือดออก รอผล 15-20 นาที
 ถ้าผู้ป่วยแพ้สารใดก็จะเกิดปฏิกิริยาเป็นตุ่มนูนแดงที่ผิวหนังตรงตำแหน่งที่ทดสอบสารนั้นๆ เท่านี้ก็สามารถทราบได้แล้วว่าแพ้อะไร โดยในการทดสอบ ผู้ป่วยต้องงดยาแก้แพ้ทุกชนิดและยานอนหลับ 7 วัน ก่อนมาการทดสอบ เพื่อผลให้การทดสอบออกมามีความเที่ยงตรงและแม่นยำ

การเจาะเลือดตรวจหาสารแพ้ Specific IgE

วิธีนี้สามารถทำได้กับผู้ป่วยทุกราย รวมถึงทำได้ในขณะทานยาแก้แพ้อยู่ โดยใช้การเจาะเพื่อเอาเลือดประมาณ 3-5 มิลลิลิตร แต่ข้อเสีย คือ รอผลนาน 2-3 วัน และเมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบทางผิวหนังจะมีราคาสูงกว่า (ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนสารก่อภูมิแพ้ที่ตรวจ)

ความแตกต่างระหว่างการทดสอบภูมิแพ้ทั้ง 2 วิธี






    ขอบคุณบทความดี ๆ จาก

    แพทย์หญิงภัทรดา ธานี กุมาเวชศาสตร์ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน รพ.เปาโล พระประแดง