ภูมิแพ้ในเด็ก โรคไม่ร้ายแต่ทำลายคุณภาพชีวิตแย่ลง

ภูมิแพ้ในเด็ก อาจทำลายคุณภาพชีวิตลูกได้

ภูมิแพ้ในเด็ก เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบบ่อยขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน และมลภาวะอย่างฝุ่น PM 2.5 โรคนี้แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิตในทันที แต่สามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ อารมณ์ และคุณภาพชีวิตของลูกน้อยได้อย่างมาก หากพ่อแม่ไม่ดูแลหรือรับรู้ความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ

โรคภูมิแพ้คืออะไร ทำไมจึงพบได้บ่อยในเด็ก?

โรคภูมิแพ้ (Allergy) เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อ สารก่อภูมิแพ้ (Allergen) มากเกินไป โดยร่างกายมองว่าสารเหล่านี้เป็นสิ่งแปลกปลอม และกระตุ้นให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น น้ำมูกไหล ผื่น ลมพิษ หรือแม้แต่หอบหืด

ประเภทของสารก่อภูมิแพ้
  • สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ: ไรฝุ่น ขนสัตว์ ควันบุหรี่ ฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสรดอกไม้
  • สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร: นมวัว ไข่ ถั่วลิสง อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู
อาการภูมิแพ้ในเด็ก สังเกตอย่างไร?

เด็กแต่ละคนอาจแสดงอาการแพ้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของภูมิแพ้ที่เป็น ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้:

1. ภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ
  • จาม คัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง
  • คันจมูก คันตา นอนกรน
  • ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก หอบหืด
2. ภูมิแพ้ผิวหนัง
  • ผื่นคัน ลมพิษ คันตามตัว
  • ผิวแห้งลอก หรือระคายเคืองหลังสัมผัสสารบางอย่าง
3. ภูมิแพ้ระบบทางเดินอาหาร
  • คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว
  • ถ่ายเป็นมูกหรือมีเลือดปน โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร เช่น นมวัวหรือไข่

ไข้หวัดหรือภูมิแพ้ แยกกันอย่างไร?

หลายครั้งที่ผู้ปกครองสับสนระหว่างอาการไข้หวัดกับ อาการภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน
  • ไข้หวัด
  • ภูมิแพ้
  • เกิดจากเชื้อไวรัส
  • เกิดจากสารก่อภูมิแพ้
  • มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อย
  • ไม่มีไข้ แต่อาจคันตา จามเรื้อรัง
  • หายเองภายใน 5–7 วัน
  • เป็นๆ หายๆ นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
  • ไม่มีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน
  • อาการมักเกิดหลังสัมผัสสารกระตุ้น เช่น ไรฝุ่น

สาเหตุของภูมิแพ้ในเด็ก


1. กรรมพันธุ์
  • ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็น 50%
  • หากทั้งพ่อและแม่เป็น โอกาสเพิ่มสูงถึง 70%
  • แม้ไม่มีใครในครอบครัวเป็น แต่สิ่งแวดล้อมก็ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดได้

2. สิ่งแวดล้อม
  • การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในชีวิตประจำวัน เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ ควันบุหรี่
  • อาหารบางชนิดที่เด็กแพ้ได้บ่อย เช่น นมวัว ไข่ แป้งสาลี

วิธีวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ในเด็ก

1. การซักประวัติ

แพทย์จะสอบถามอาการ รายละเอียดของสิ่งกระตุ้น และประวัติครอบครัว

2. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Test)
  • สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป
  • ใช้วิธีสะกิดผิวหนังแล้วหยดน้ำยาทดสอบ
  • ทราบผลภายใน 20 นาที
3. การตรวจภูมิแพ้จากเลือด (Blood Test)
  • ตรวจได้ทุกช่วงวัย
  • ไม่ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนตรวจ
  • ใช้เวลารอผลประมาณ 7 วัน

อาการภูมิแพ้ในเด็ก อันตรายไหม?


หากปล่อยให้อาการภูมิแพ้ลุกลามโดยไม่รักษา อาจเกิดอาการรุนแรง เช่น
  • หายใจลำบาก ปากบวม ตาบวม
  • ลมพิษทั่วร่างกาย
  • หมดสติ หรือเกิดภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis)
  • ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

แนวทางการรักษาภูมิแพ้ในเด็ก


1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
  • ไม่เลี้ยงสัตว์ในบ้านหรือในห้องนอน
  • หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่น PM 2.5
2. การใช้ยา
  • ยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก หรือยาขยายหลอดลมในเด็กหอบหืด
  • ยาทาภายนอกในกรณีที่เป็น ภูมิแพ้ผิวหนัง
3. การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy)
  • ช่วยลดความรุนแรงของอาการในระยะยาว

วิธีดูแลลูกเมื่อมีภูมิแพ้
  • สวมหน้ากากเมื่อต้องออกนอกบ้าน
  • ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์หรือสิ่งสกปรก
  • หลีกเลี่ยงห้องที่มีฝุ่นฟุ้ง เช่น หลังทำความสะอาดทันที
  • ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนสำหรับผิวในเด็กที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง

ภูมิแพ้ในเด็ก รู้ทันไว้ ป้องกันได้


แม้ว่าโรคภูมิแพ้ในเด็กจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากไม่ดูแลอย่างถูกต้อง ก็อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของลูกน้อย การรู้เท่าทันอาการ รู้จักป้องกันและเข้ารับการตรวจจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกเติบโตแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

หากลูกมีอาการแพ้เรื้อรัง ผื่น ตุ่ม คัน หรือสงสัยว่าอาจแพ้อาหารหรือฝุ่น สามารถเข้ารับปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างตรงจุด


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
คลินิกโรคภูมิแพ้สำหรับเด็ก ,คลินิกทันตกรรมสำหรับเด็ก
ศูนย์กุมารเวชกรรม 24 ชั่วโมง

โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง
โทร. 02 818 9000 ต่อ 107 , 108


รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง

เพิ่มเพื่อน