ข้อควรรู้ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5-11 ปี
การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ต้องคำนึงถึงพื้นฐานสุขภาพของเด็ก โรคประจำตัว หากกังวลหรือสงสัยในข้อมูลที่มีอยู่ ควรปรึกษากุมารแพทย์ก่อนพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “ไฟเซอร์” ให้กับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ขวบ โดยเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ของกรมการแพทย์ก่อน
สำหรับวัคซีนที่จะใช้ฉีดให้เด็กเล็ก 5-11 ขวบ จะเป็นวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็กโดยเฉพาะ จุดสังเกตคือจะมีฝาสีส้ม ซึ่งต่างจากสูตรสำหรับผู้ใหญ่และเด็กโตที่จะใช้วัคซีนสูตรฝาสีม่วง
กลุ่มเด็กที่เสี่ยง อายุ 5-11 ขวบ
ก่อนหน้านี้ (26 ม.ค.) นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า จากข้อมูลในประเทศไทยมีเด็กทั่วไปอายุ 5-11 ขวบ ราว 5 ล้านคน แต่เด็กกลุ่มเสี่ยงมีอยู่ 9 แสนคน เป็นโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่
- โรคอ้วนที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดตัน
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดอาการปานกลางถึงรุนแรง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตวายเรื้อรัง
- โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- โรคเบาหวาน
- กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า
แนวทางการฉีดวัคซีนในเด็ก หากเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง ควรทานยาตามที่หมอแนะนำมาอย่างปกติ และทานอาหารมาก่อน และจะมีกุมารแพทย์คอยเช็กอาการเบื้องต้นว่าสมควรฉีดหรือไม่
ส่วนข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กมีอยู่ 2 ข้อ ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้ “ยังไม่ควรฉีดวัคซีน”
- เด็กอยู่ในช่วงกำลังป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายดีและเลื่อนการฉีดออกไปจนกว่าร่างกายจะกลับมาปกติ
- เด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรงซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิต หากอาการของโรคยังไม่คงที่ ห้ามฉีด นอกจากแพทย์จะประเมินว่าฉีดได้เท่านั้น
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาการข้างเคียงของเด็กอายุ 5-11 ขวบ หลังฉีดวัคซีนส่วนมากจะไม่รุนแรงและหายไปเองใน 1-2 วัน โดยอาจพบอาการ ดังนี้
มีอาการข้างเคียงพบได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด คลื่นไส้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดข้อ มีผื่น เป็นต้น
ขนาดต่อโดส: วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีบรรจุในขวดแก้ว “ฝาขวดและฉลากสีส้ม” สำหรับใช้หลายโดส (Multiple Doses Vial) หลังจากเจือจางแล้ว 1 ขวดวัคซีนประกอบด้วยวัคซีน 10 โดส สูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร
วิธีการฉีด: เข้าชั้นกล้ามเนื้อ (Intramuscular injection) ปริมาณ 0.2 มล (ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์ ) เพราะได้รับระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า
สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกัน ควรแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีด สำหรับขวดฝาม่วงและฝาส้มให้ชัดเจน คำแนะนำฉีดไฟเซอร์เด็ก 5-11 ขวบ
- ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง เว้นระยะห่าง 3-12 สัปดาห์
- หากเด็กอายุ 5-11 ขวบ ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ขวบ (ขนาด 10 ไมโครกรัม ฝาสีส้ม) และมีอายุครบ 12 ปี หลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ด้วยไฟเซอร์ สูตรสำหรับผู้ใหญ่ อายุมากว่าหรือเท่ากับ 12 ปี (ขนาด 30 ไมโครกรัม ฝาสีม่วง) อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ขนาด 10 ไมโครกรัม ก็ให้ถือว่าผู้นั้นรับวัคซีนครบถ้วน และไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ
- กรณีเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์สำหรับผู้ใหญ่ฝาสีม่วงตามแนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด-19 (ไฟเซอร์) สำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไปที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า
ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์ข้อมูล COVID–19, องค์กรอนามัยโลก (WHO)
คลินิกเด็ก 24 ชม.
โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง