ข้อควรรู้ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5-11 ปี

ข้อควรรู้ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์  ในเด็กอายุ 5-11 ปี  

การ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับ เด็กอายุ 5-11 ปี เป็นเรื่องที่ พ่อแม่ ควรใส่ใจเป็นพิเศษ โดยต้องคำนึงถึง พื้นฐานสุขภาพของเด็ก และ โรคประจำตัว หากมีข้อกังวลหรือข้อสงสัย ควร ปรึกษากุมารแพทย์ ก่อนพาบุตรหลานเข้ารับ วัคซีน

วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กเล็ก สิ่งที่แตกต่างจากผู้ใหญ่
ตามรายงานของ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เริ่ม ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “ไฟเซอร์” ให้กับกลุ่ม เด็กอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2565 เป็นต้นมา โดยเริ่มที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ของ กรมการแพทย์
วัคซีน ที่ใช้สำหรับ เด็กเล็ก 5-11 ปี คือ วัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดสังเกตคือ ฝาสีส้ม แตกต่างจาก วัคซีนสูตรผู้ใหญ่และเด็กโต ที่ใช้ ฝาสีม่วง


ขนาดและวิธีการฉีด วัคซีนไฟเซอร์ สูตรเด็ก
  • ขนาดต่อโดส: วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี บรรจุในขวดแก้ว ฝาขวดและฉลากสีส้ม สำหรับใช้หลายโดส (Multiple Doses Vial) หลังจากเจือจางแล้ว 1 ขวด วัคซีน ประกอบด้วย วัคซีน 10 โดส สูตรสำหรับ เด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร
  • วิธีการฉีด: เข้า ชั้นกล้ามเนื้อ (Intramuscular injection) ปริมาณ 0.2 มล. (ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์) เนื่องจากจะได้รับ ระดับภูมิคุ้มกัน ที่สูงกว่า และมี ผลข้างเคียงน้อยกว่า
  • ข้อควรระวัง: ควรแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีดสำหรับขวด ฝาสีม่วง (ผู้ใหญ่) และ ฝาสีส้ม (เด็ก) ให้ชัดเจน เนื่องจากสูตรสำหรับ ฉีดผู้ใหญ่และเด็ก มีความแตกต่างกัน
กลุ่มเด็กเสี่ยง อายุ 5-11 ปี ที่ควรได้รับวัคซีน
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ให้ข้อมูลว่า ในประเทศไทยมี เด็กทั่วไปอายุ 5-11 ปี ประมาณ 5 ล้านคน แต่มี เด็กกลุ่มเสี่ยง ประมาณ 9 แสนคน ซึ่งเป็น โรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่:
  • โรคอ้วน ที่มี ภาวะทางเดินหายใจอุดตัน
  • โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึง หอบหืดอาการปานกลางถึงรุนแรง
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไตวายเรื้อรัง
  • โรคมะเร็ง และ ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  • โรคเบาหวาน
  • กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมถึง กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า
แนวทางการฉีดวัคซีนในเด็กกลุ่มเสี่ยง
สำหรับ เด็กกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง ควรทานยาตามที่ แพทย์ แนะนำมาอย่างปกติ และทานอาหารมาก่อน ฉีดวัคซีน โดยจะมี กุมารแพทย์ คอยประเมิน อาการเบื้องต้น ว่าเหมาะสมที่จะ ฉีดวัคซีน หรือไม่


ข้อควรระวัง ก่อนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก
มี 2 ข้อสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อน ฉีดวัคซีน ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้ "ยังไม่ควรฉีดวัคซีน"
  1. เด็กอยู่ในช่วงกำลังป่วย: มี ไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายดีและเลื่อน การฉีดวัคซีน ออกไปจนกว่าร่างกายจะกลับมาปกติ
  2. เด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรง: ซึ่งอาจมี อันตรายถึงชีวิต หาก อาการของโรค ยังไม่คงที่ ห้าม ฉีด ยกเว้น แพทย์ จะประเมินว่าสามารถ ฉีด ได้เท่านั้น

อาการข้างเคียง หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาการข้างเคียง ใน เด็กอายุ 5-11 ปี หลัง ฉีดวัคซีน ส่วนมากจะไม่รุนแรงและหายไปเองใน 1-2 วัน โดยอาจพบ อาการ ดังนี้:
  • อาการข้างเคียงพบได้บ่อยแต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง: เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด คลื่นไส้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดข้อ มีผื่น เป็นต้น


คำแนะนำ สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี
  • ให้ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง เว้นระยะห่าง 3-12 สัปดาห์
  • หาก เด็กอายุ 5-11 ปี ได้รับ วัคซีนไฟเซอร์ สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี (ขนาด 10 ไมโครกรัม ฝาสีส้ม) และมีอายุครบ 12 ปี หลังได้รับ วัคซีนเข็มที่ 1 แนะนำให้ ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ด้วย ไฟเซอร์ สูตรสำหรับผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (ขนาด 30 ไมโครกรัม ฝาสีม่วง) อย่างไรก็ตาม หากได้รับ วัคซีนเข็มที่ 2 ขนาด 10 ไมโครกรัม ก็ให้ถือว่าผู้นั้นรับ วัคซีนครบถ้วน และไม่จำเป็นต้อง ฉีดซ้ำ
  • กรณี เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ให้ใช้วัคซีน ไฟเซอร์สำหรับผู้ใหญ่ฝาสีม่วง ตามแนวทางการให้บริการ วัคซีนโควิด-19 (ไฟเซอร์) สำหรับนักเรียน/นักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไป
ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์ข้อมูล COVID–19, องค์การอนามัยโลก (WHO)

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง โทร 0-2818-9000
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง