ความแตกต่างระหว่างภูมิแพ้ และ ไข้หวัด

ภูมิแพ้ vs ไข้หวัด ความแตกต่างที่ต้องรู้สาเหตุ อาการ และวิธีดูแล

หลายคนยังคงสับสนระหว่าง ภูมิแพ้ และ ไข้หวัด เนื่องจากมี อาการ คล้ายคลึงกัน แต่แท้จริงแล้วสองภาวะนี้มีความ แตกต่าง กันอย่างมาก การทำความเข้าใจใน ความแตกต่าง จะช่วยให้คุณสามารถ ดูแลสุขภาพ และรับมือกับ อาการ ได้อย่างถูกต้อง

ทำความรู้จัก “โรคภูมิแพ้”
โรคภูมิแพ้ คือ โรค ที่เกิดจากความผิดปกติของ ภูมิคุ้มกัน โดยที่ ร่างกาย จะมีปฏิกิริยาไวต่อ สารก่อภูมิแพ้ หรือสารระคายเคือง ซึ่งทำให้เกิด อาการแพ้

ภูมิแพ้ทางเดินหายใจเกิดจากสาเหตุใด?
สาเหตุของภูมิแพ้ มีหลายปัจจัย แต่ ปัจจัยหลัก คือ:
กรรมพันธุ์: กรณีที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็น โรคภูมิแพ้ บ่งชี้ว่าบุคคลนั้นจะมีโอกาส เสี่ยง เป็น โรคภูมิแพ้ ได้ง่าย เพราะ โรคภูมิแพ้ เป็น โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ได้ ถ้าพ่อ หรือแม่เป็น ลูกจะมีโอกาสป่วยเป็น โรคภูมิแพ้ ได้ประมาณ 30% แต่ถ้าหากทั้งพ่อและแม่เป็น โรคภูมิแพ้ ทั้งคู่ ลูกที่เกิดจะมีโอกาส เสี่ยง ต่อการเป็น โรคภูมิแพ้ สูงถึง 60-70% ในขณะที่เด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีประวัติ โรคภูมิแพ้ เลยมีโอกาสเป็น โรคภูมิแพ้ เพียง 10%

สิ่งแวดล้อม: เป็น ปัจจัย ที่มีความสำคัญเพราะ สารก่อภูมิแพ้ ที่จะเข้าสู่ ร่างกาย เราเกิดจาก สิ่งแวดล้อม ทั้งสิ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ ที่เข้า ร่างกาย โดยการหายใจ การรับประทานอาหาร หรือการสัมผัส นอกจากนี้ ยังมี ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งเสริม อาการ ให้เกิด โรคภูมิแพ้ เช่น อากาศเย็น, มลพิษในอากาศ จากควันรถ, ควันโรงงาน, ฝุ่นละออง, ควันบุหรี่ อีกด้วย

ภูมิแพ้กับไข้หวัด อาการต่างกันอย่างไร?
การแยก อาการ ระหว่าง ภูมิแพ้ และ ไข้หวัด เป็นสิ่งสำคัญเพื่อ การดูแลสุขภาพ ที่เหมาะสม:

ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ หรือ แพ้อากาศ: มักมี อาการจาม, น้ำมูกใสๆไหล, คัดจมูก, หรือ คันตา, คอ, หู หรือที่เพดานปาก อาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น จมูกไม่ได้กลิ่น, น้ำมูกไหลลงคอ โดย อาการ จะมักเป็นช่วงกลางคืนหรือช่วงเช้า พอสายๆ อาการ ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัส สารก่อภูมิแพ้ในห้องนอน เช่น ไรฝุ่น บางรายอาจจะมี อาการ ตอนที่ใกล้ชิดกับ สัตว์เลี้ยง อย่างแมวหรือสุนัข โดยไม่ได้มี อาการ ตลอดเวลา โดยมักมี อาการ เป็นๆหายๆ และมักมี ระยะเวลาของโรค ยาวนานมากกว่า 2 สัปดาห์

ส่วน ไข้หวัด: มักมีการ จาม, คัดจมูก, น้ำมูกใส ช่วงแรก หลังจากนั้น น้ำมูก จะข้นขึ้นเรื่อยๆ โดย อาการ จะเป็นทั้งวัน แต่จะไม่ คันจมูก หรือ คันตา นอกจากนี้มักมี ไข้, ไอ, หรือ เจ็บคอ ร่วมด้วย ส่วนใหญ่เกิดจากการ ติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักจะดีขึ้นหรือหายภายใน 3-10 วัน

การดูแลสุขภาพ สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
เพื่อ คุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้นและ ลดอาการ ของ ภูมิแพ้ ผู้ป่วยควรให้ ความสำคัญ กับ การดูแลสุขภาพ อย่างต่อเนื่อง:
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น: ไม่ว่าจะเป็น น้ำหอมกลิ่นแรง, ควันบุหรี่, ควันธูป, ควันรถ เพื่อ ป้องกัน ไม่ให้ อาการภูมิแพ้ หนักขึ้น รวมไปถึง หลีกเลี่ยงการเผชิญการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นเฉียบพลัน อย่างเช่น หลังจากเดินตากแดดร้อนๆ มา โดยเราควรยืนในที่ร่มเพื่อให้ ร่างกาย ปรับ อุณหภูมิ ก่อน จึงค่อยเดินเข้าไปในห้องแอร์ที่มี อุณหภูมิ ต่ำมากๆ
  • ทำความสะอาดบ้าน: โดยเฉพาะ ห้องนอน และ เครื่องนอน สำหรับ ผู้ป่วยภูมิแพ้ ที่ไวต่อ ฝุ่นละออง ต่างๆ การทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะ ห้องนอน ถือเป็นสิ่งสำคัญ ควรเปลี่ยน ผ้าปูที่นอน และ ปลอกหมอน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รวมไปถึง การแต่งบ้าน ให้มีของใช้น้อยๆ เพื่อ ลดการกักฝุ่น ตลอดจนการเปิดกระจก หรือผ้าม่าน เพื่อให้ อากาศถ่ายเทได้ดี
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เพราะ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกัน ให้กับ ร่างกาย ทำให้ อาการภูมิแพ้อากาศ ค่อยๆ หายไป
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: เพราะ การนอนหลับพักผ่อน คือการที่ให้ ร่างกาย ได้ชาร์จแบตหลังจากถูกใช้งานมาตลอดทั้งวัน
  • ทานอาหารดีมีประโยชน์: ทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะ โปรตีน, ผัก, และ ผลไม้ จึงเป็นเหมือน อาหารเสริม ที่ช่วยเพิ่ม ภูมิต้านทาน ให้กับ ร่างกาย ได้




ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง โทร 0-2818-9000
รับข่าวสารและกิจกรรมทางสุขภาพดีๆ ได้ที่
Facebook : โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง