ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) อันตรายต่อชีวิตที่ควรระวัง
โรงพยาบาลเปาโลเกษตร
07-ก.ย.-2565
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Obstructive Sleep Apnea

          ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ถือเป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นระหว่างนอนหลับ มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น บริเวณจมูกลงไปถึงปอดมีความตีบแคบ เนื่องจากกล้ามเนื้อเพดานอ่อนมีความหย่อนยาน จนทำให้เกิดการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะนอนหลับ และมีอาการนอนกรน ก่อให้เกิดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมทั้งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตโดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในช่วงอายุก่อน 35 ปี จะพบผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 20 % และอายุ 35 ปี ขึ้นไป จะพบสัดส่วนของผู้ป่วยโรคนี้เป็น  60 % นั่นเพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นสมรรถภาพของร่างกายมีการเสื่อมถอยลง กล้ามเนื้อเพดานอ่อนมีความหย่อนยานเป็นสาเหตุทำให้เกิดการนอนกรน

อาการที่ต้องสังเกต

          ขณะนอนหลับผู้ป่วยจะมีอาการ แขนขากระตุก ฝันร้าย เช่น ฝันว่าตกจากที่สูง ตกน้ำ  ทำให้มีการสะดุ้งตื่น หลับๆ ตื่น ๆ ตรวจพบค่าความอิ่มตัวออกซิเจนในเลือดที่ลดลงต่ำกว่า 90% ส่งผลให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดี มีการหยุดหายใจชั่วขณะ ถึงแม้จะมีระยะเวลาการนอนหลับหลายชั่วโมง  เมื่อตื่นนอนจะพบอาการนอนไม่อิ่ม อ่อนเพลีย ง่วงนอนระหว่างวัน อารมณ์หงุดหงิด ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตการทำงานประจำวันได้ เนื่องจากขณะนอนหลับ ผู้ที่มีอาการนอนกรน จะมีการหายใจผ่านทางช่องแคบ ทำให้มีโอกาสการเสียดสีภายในช่องทางเดินหายใจ เป็นผลให้มีอาการ เจ็บคอ คอแห้ง ปากแห้ง จมูกแห้ง ร่วมด้วยเมื่อตื่นนอน เพื่อลดอาการนอนกรน และช่วยให้ขณะนอนหลับหายใจได้สะดวกขึ้น แนะนำการนอนตะแคงขวา เลี่ยงการนอนตะแคงซ้าย เพื่อป้องกันการกดทับของหัวใจในขณะนอน

ใครบ้างคือ กลุ่มเสี่ยง
  1. โรคอ้วน
  2. ผู้ที่มีต่อมทอนซิลโต
  3. ผู้ที่มีริดสีดวงจมูก
  4. ผู้ที่อายุ 35 ปี ขึ้นไป
  5. ผู้ที่มีคางสั้น คอสั้น ปากเล็ก ลิ้นโต หน้าแบน
  6. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง

การตรวจการนอนหลับ  Sleep test

            ถือเป็นการตรวจมาตรฐานสากลที่ช่วยในกระบวนการตรวจวิเคราะห์ระบบการทำงานของร่างกายขณะนอนหลับ อาทิ ระดับออกซิเจนในเลือด ระบบหายใจ การทำงานของคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้าหัวใจ กล้ามเนื้อ พฤติกรรมขณะนอนหลับ เป็นต้น มีประโยชน์สำหรับประกอบการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ทั้งนี้ผู้เข้ารับการตรวจควรเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจโดย งดการทานยานอนหลับ การดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ เลี่ยงการออกกำลังกายหนัก


การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
       
สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรน ร่วมกับหยุดหายใจขณะนอนหลับมากกว่า 10 ครั้ง ขึ้นไป ถือเป็นข้อบ่งชี้ปัญหาสุขภาพที่อันตรายจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอาการนอนกรนให้หาย โดยทำการแก้ไขระบบทางเดินหายใจที่มีการตีบแคบให้ถ่างขยายออก ซึ่งจะช่วยฟื้นคืนระบบหายใจให้กลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพ สามารถนำออกซิเจนเข้าสู่ปอดได้ไหลลื่นขึ้น  โดยมีกระบวนการวิธีการต่างๆ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะอาการของผู้ป่วยแต่ละบุคคล

การลดน้ำหนัก
      สาเหตุสำคัญที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการเกิดอาการนอนกรน เกิดจากผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมาก ส่งผลให้มีการหย่อนของกล้ามเนื้อในช่องคอเกิดขึ้น ทั้งนี้หากสามารถลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ปัญหาการนอนกรนก็จะหมดไป

การใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวกซีแพ็พ (CPAP)
       
การรักษาวิธีนี้จะช่วยเปิดขยายทางเดินหายใจส่วนต้น ไม่ให้ตีบแคบขณะนอนหลับ โดยหลักการทำงานของเครื่องนี้ จะเป็นการเป่าลมผ่านท่อสายยาง เข้าสู่จมูกของผู้ป่วยผ่านทางหน้ากากที่สวมครอบไว้ ซึ่งการใช้เครื่องนี้ต้องใช้จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งเมื่อนอนหลับ


การใช้ฟันยาง  (Oral Appliance)
           
             การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีระดับอาการไม่รุนแรง และต้องได้รับการวินิจฉัยร่วมด้วยกับทันตแพทย์ในการประเมินและจัดทำฟันยางซึ่งมีลักษณะเฉพาะเป็นรายบุคคล การใส่ฟันยางนี้จะช่วยให้ทางเดินหายใจส่วนต้นกว้างขึ้น โดยการยื่นขากรรไกรล่างและลิ้นออกมาทางด้านหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นหรือเนื้อเยื่อในลำคอหย่อนอุดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับ


การจี้คลื่นวิทยุไฟฟ้า (radiofrequency)
     
เป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุจี้บริเวณโคนลิ้น ช่วยยกกระชับเพดานอ่อน ทำให้ช่องทางเดินหายใจขยายกว้างขึ้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการนอนกรนไม่รุนแรง


การผ่าตัด
     
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการนอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่มีความรุนแรง โดยจะเป็นการผ่าตัดนำเอาเนื้อเยื่อที่หย่อนยานบริเวณลิ้นไก่และเพดานอ่อนออก หรือในบางรายมีปัญหาต่อมทอนซิลโต ก็จำเป็นต้องผ่าตัดนำต่อมทอนซิลออก เพื่อช่วยขยายช่องทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น

 

“ ปัญหาการนอนกรน

เป็นสัญญาณเตือนคุณภาพการนอนหลับที่สำคัญ

หากปล่อยทิ้งไว้ อาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่อันตรายต่อชีวิต ” 

นพ. สักกะ ณ ตะกั่วทุ่ง
โสต ศอ นาสิกแพทย์ โรงพยาบาลเปาโล เกษตร



Line official account : Paolo Hospital Kaset
Line ID : @paolokaset