ไข้เลือดออก…อย่างปล่อยให้ “ยุงลาย” จ้องทำร้ายลูกคุณ
โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4
17-ต.ค.-2565

 “โรคไข้เลือดออก  เป็นโรคที่พบได้บ่อยไม่แพ้โรคอื่น ในปีที่ผ่านๆ มาคนไทยเป็นโรคไข้เลือดออกมากกว่า 1 แสนคน และการระบาดของโรคไข้เลือดออกนี้มักจะเกิดขึ้นในประเทศที่อยู่ในเขตร้อน เพราะเป็นบริเวณที่ “ยุง” พาหะนำโรคตัวร้ายสามารถแพร่พันธุ์ได้ง่าย แต่ถ้าเรารู้จักและดูแลลูกน้อยให้ดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้กับลูกของคุณได้


“ยุงลาย”…สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
เชื้อไวรัสเดงกีนั้นมีหลายชนิด เช่น ชนิดที่ 1, 2, 3, และ 4 ซึ่งมียุงลายตัวเมียที่ออกหากินตอนเวลากลางวันเป็นพาหะนำโรค แต่ในปัจจุบันนี้มีการค้นพบแล้วว่ายุงลายตัวเมียก็ออกหากินตอนกลางคืนด้วยเช่นกัน เมื่อยุงมีเชื้อเดงกีอยู่ในตัวแล้วจะสามารถเป็นพาหะของเชื้อได้ตลอดชีวิตของมันเลยทีเดียว หรือมากกว่า 1-2 เดือนที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งที่อยู่อาศัยของยุงหรือแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีเลยก็คือ สถานที่ที่มีน้ำขัง น้ำนิ่ง และน้ำไม่ระบาย

เช็คอาการ…เมื่อถูกยุงลายที่มีเชื้อเดงกี่กัด
หากลูกของคุณถูกยุงลายที่มีเชื้อเดงกีกัดแล้ว ระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาน 3 – 15 วัน ซึ่งใน 5 – 7 วันแรกเด็กจะมีไข้สูงตลอดเวลา หน้าแดง ตาแดง ปวดหัว เมื่อยตามตัว หิวน้ำ เบื่ออาหารและอาจจะมีอาเจียนร่วมด้วย สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีอาจจะมีความเสี่ยงที่จะชักได้ ซึ่งอาการของไข้เลือดออกในระยะแรกจะคล้ายกับอาการของไข้หวัด แต่จะแตกต่างตรงที่ไข้เลือดเป็นโรคที่ไม่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอ

หลังจากเป็นไข้ได้ไม่กี่วัน จะเข้าสู่ระยะที่เรียกว่าระยะวิกฤต คือ ลูกเริ่มจะมีผื่นปื้นแดงตามลำตัว มีจ้ำเลือดหรือจุดเลือดแดงๆ เล็กๆ ตามหน้า แขน ขา เนื่องจากเด็กอยู่ในภาวะเกล็ดเลือดต่ำ และในบางคนอาจจะมีเลือดออกตามไรฟัน และเลือดกำเดาไหล และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น เพลียมากขึ้น ปวดท้อง ท้องอืด และในบางคน จะกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น แม้ว่าไข้จะลดลง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าใกล้จะหายแล้ว แต่ความจริงแล้วระยะนี้คือระยะที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และต่อมาเด็กจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว เกล็ดเลือดจะค่อยๆ สูงขึ้น การไหลเวียนของเลือดเริ่มดีขึ้น ระบบภายในร่างกายเริ่มทำงานเป็นปกติ

การรักษา เมื่อเป็นไข้เลือดออก
โดยทั่วไปจะต้องทำการตรวจเลือดก่อน ดูค่าความเข้มของเม็ดเลือดแดง เพื่อดูว่าเด็กมีจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดสูงหรือต่ำ และตรวจเอนไซม์ของตับเพื่อดูความรุนแรงของโรค เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่าลูกของคุณเป็นไข้เลือดออก หมอจะรักษาตามอาการคือให้ยาลดไข้ เช็ดตัว ให้เด็กดื่มน้ำมากๆ เพราะยังไม่มียาที่จะรักษาโรคไข้เลือดออกในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามหากคุณทราบอาการเบื้องต้นว่าลูกของคุณมีอาการคล้ายไข้เลือดออก หรือช่วงที่ลูกเป็นไข้ตรงกลับช่วงฤดูร้อนที่คนมักจะเป็นไข้เลือดออก ให้รีบพาเด็กไปพบหมอเพื่อให้สามารถรักษาได้ทันก่อนที่อาการจะรุนแรง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเด็กจะชักเมื่อไหร่

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้ติดเชื้อไข้เลือดออก
แม้ว่าปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกแล้ว แต่เราก็ควรที่จะดูแลตัวเองเบื้องต้นก่อน โดยวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เป็นไข้เลือดออกเลยคือ การไม่ให้โดนยุงกัด แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการป้องกันทางอ้อมก็คือ พยายามรักษาความสะอาดภายในบ้าน ไม่ให้มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ ที่รองตู้กับข้าว น้ำขังหน้าบ้าน รวมถึงอีกหนึ่งทางเลือดใหม่ในการป้องกันอย่างการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เพื่อปิดโอกาสไม่ให้ยุงมาทำร้ายลูกน้อยของคุณ



ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ศูนย์กุมารเวช อาคาร 3 ชั้น 2
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4

โทร.02-514-4141 ต่อ 3220 – 3221