การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก

การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก  



การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักอาจทำให้หลายคนกังวลเรื่องการเตรียมตัวและการดูแลตัวเอง แต่คุณสามารถคลายความกังวลได้เลย เพราะแพทย์และทีมงานจะให้คำแนะนำอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมพร้อมก่อนผ่าตัดไปจนถึงการฟื้นตัวและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง


การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดกระเพาะอาหาร
การเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจก่อนการผ่าตัดมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
- ตรวจสุขภาพทั่วไป: ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจเลือด อัลตราซาวด์ เอกซเรย์ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ป่วยจะได้พบกับนักจิตวิทยาเพื่อประเมินสภาพจิตใจและเตรียมพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังผ่าตัด รวมถึงพบนักกำหนดอาหารเพื่อวางแผนโภชนาการหลังการผ่าตัดด้วย
- ประเมินความเสี่ยงของโรค: แพทย์จะประเมินภาวะโรคที่มีความเสี่ยง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- งดสิ่งต้องห้าม: ผู้ป่วยควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด และงดน้ำและอาหาร 6-8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงแจ้งแพทย์หากกำลังตั้งครรภ์หรือไม่แน่ใจ หรือกำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด


การปฏิบัติตัวและแผนโภชนาการหลังผ่าตัด
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะสามารถรับประทานอาหารได้น้อยลงมาก จึงจำเป็นต้องมีแผนการรับประทานอาหารที่ชัดเจนเพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
สัปดาห์ที่ 1: เริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารเหลวใส เช่น น้ำซุป เพื่อให้กระเพาะอาหารปรับตัว
สัปดาห์ที่ 2: เปลี่ยนเป็นอาหารเหลวที่ข้นขึ้น เช่น โจ๊ก หรือซุป
สัปดาห์ที่ 3: รับประทานอาหารอ่อนนุ่มและย่อยง่าย เช่น ไข่ตุ๋น เยลลี่ หรือคัสตาร์ด
สัปดาห์ที่ 4: กลับมารับประทานอาหารปกติ แต่เน้นอาหารปรุงสุก โปรตีนสูง และผักใบเขียวที่นิ่มๆ โดยรับประทานในปริมาณน้อยๆ ก่อน
สัปดาห์ที่ 5: สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ควรเคี้ยวให้ละเอียดและนานขึ้น และไม่ควรดื่มน้ำพร้อมกับอาหาร เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ


ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงอาหารต้องห้าม: ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้ง ของมัน ของทอด ชา กาแฟ และสุรา เพื่อป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่มและลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- การเคลื่อนไหว: ควรพยายามลุกขึ้นเดินเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ขา
- สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการแทรกซ้อน เช่น หัวใจเต้นมากกว่า 120 ครั้งต่อนาที มีไข้สูง หรือปวดท้องรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ติดตามผลการรักษา: หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์อย่างเคร่งครัด และกลับมาติดตามผลการรักษาตามนัดหมาย


โอกาสในการกลับมาอ้วนอีกครั้งหลังผ่าตัด
การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นเพียงเครื่องมือช่วยลดน้ำหนักในช่วงแรก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วน้ำหนักจะลดลงมากที่สุดในช่วง 1-2 ปีแรก หลังจากนั้นน้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นได้บ้างหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน ดังนั้น วินัยในการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่และมีสุขภาพดีในระยะยาว



ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ศูนย์ศัลยกรรม อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4
โทร. 02-5144141 ต่อ 1101-1100